ดื่มกาแฟเป็นยา ประโยชน์สุดเจ๋งที่ดีต่อสุขภาพ หลายคนติดใจใน “กลิ่นกาแฟ” บางคนก็ชอบรสขมอันเป็นเอกลักษณ์ หากมองกาแฟจากโลกของอาหารสุขภาพ ก็ต้องบอกว่ามีความขัดแย้งชนิดที่เป็นขั้วตรงกันข้ามอย่างมากในการพูดถึงประโยชน์และโทษของเครื่องดื่มชนิดนี้
หากนํากาแฟมาวิเคราะห์สารอาหาร เราจะพบว่า กาแฟคั่วบด 100 กรัม ให้พลังงาน 1 กิโลแคลอรี่ ไม่มีคาร์โบไฮเดรต ไม่มีไขมัน มีสารอาหารอื่นอยู่น้อยนิดมาก ซึ่งปริมาณสารอาหารที่เราเห็นนี้ อาจสรุปได้ง่ายๆ ว่า กาแฟแทบจะไม่มีคุณค่าทางโภชนาการเลย เพราะมีสารอาหารน้อยมาก ยิ่งเมื่อคิดว่า ไม่มีใครกินกาแฟคั่วบดได้ถึง 100 กรัม ในส่วนที่นํามาวิเคราะห์ด้วยแล้ว ข้อมูลนี้จึงทําให้เรามองข้ามคุณค่าของกาแฟไปเลย
แต่ในความเป็นจริง กาแฟได้ถูกนํามาวิเคราะห์ เพื่อศึกษาหาคุณค่าทางด้านพฤกษเคมีอีกมากมาย โดยเฉพาะ “กาเฟอีน (Caffeine)” ซึ่งเป็นสาระสําคัญที่อยู่ในกาแฟ และจากการวิเคราะห์ ทําให้พบคุณค่าของกาแฟที่มีหลักฐานอ้างอิงได้มากมายเลยค่ะ
กาแฟช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์
โรคพาร์กินสัน โรคหัวใจ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคตับแข็ง และโรคเกาต์
จากผลของการศึกษาระยะยาวในปี 2009
พบว่าผู้ที่ดื่มกาแฟใน ปริมาณที่เหมาะสม (ได้แก่ 3-5 ถ้วยต่อวัน) จะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์
การได้รับปริมาณกาเฟอีนในระดับหนึ่ง
จะช่วยลดความเสี่ยงของ การเป็นโรคมะเร็งเต้านม
ช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับแข็ง
และป้องกันมะเร็งในปลายลําไส้ใหญ่และกระเพาะปัสสาวะ ทั้งยังสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งในเซลล์ตับ ซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของมะเร็งตับ ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจ
แม้จะมีรายงานทั้งด้านบวกและด้านลบจากการกินกาแฟ แต่งานวิจัยแทบทั้งหมดให้ผลสอดคล้องกันคือ ควรบริโภคกาแฟในปริมาณ
ที่เหมาะสม แม้นักวิทยาศาสตร์จะทําการวิจัยและพบว่ากาเฟอีนปริมาณ 200-600 มิลลิกรัมนั้น ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย แต่สิ่งหนึ่งที่ควรพิจารณาประกอบด้วยคือ สภาพร่างกายที่แตกต่างกันของแต่ลคน ซึ่งหากร่างกายไวต่อการกระตุ้นของกาเฟอีน ก็ควรบริโภคในปริมาณน้อย และทุกงานวิจัยให้ผลที่ตรงกันว่า ปริมาณสูงสุดที่ดื่มได้คือไม่เกิน 7 แก้วต่อวัน
