ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 1 อำเภอเมืองหนองคาย นายสมบัติ ฆ้อนทอง หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปรามศุลกากรหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกันแจกเอกสารประชาสัมพันธ์พร้อมทำความเข้าใจกับประชาชนที่จะเดินทางออกนอกประเทศ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีข่าวการนำเงินจำนวนหลักล้านบาทจากไทยไปฝากยังธนาคารประเทศลาวเพื่อหวังเงินดอกเบี้ยที่สูงกว่า
นายสมบัติ กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรมุกดาหาร พบการนำเงินออกนอกประเทศ ประมาณ 26 ล้านบาท และก่อนหน้านี้มีการนำเงินใส่กระติกน้ำแข็งประมาณ 30 ล้านบาท ออกนอกประเทศ เป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติศุลกากร
ประกอบกับขณะนี้ทางสถานทูตไทย ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ได้ออกหนังสือเตือนถึงประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งศุลกากรหนองคาย ตรวจคนเข้าเมือง และฝ่ายทหารให้ร่วมกันตรวจสอบการนำเงินบาทไปฝากธนาคารในประเทศลาว ต้องศึกษาความเสี่ยงในการดำเนินการ เนื่องจากขณะนี้ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารลาวสูงกว่าของไทย อาจล่อใจให้กับผู้มีเงินต้องการดอกเบี้ยสูง นำเงินไปฝากยังต่างประเทศ
ซึ่งนายอัสนี เรืองบุญ นายด่านศุลกากรหนองคาย ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายดำเนินการเข้มงวดตรวจสอบไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีกที่ด่านหนองคาย และขณะนี้ก็ยังไม่พบการกระทำผิด
อัตราดอกเบี้ยธนาคารในลาวขณะนี้ เงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ย 3.5 ฝากประจำตั้งแต่ 3-36 เดือน 6 -12.5 และเงินฝากกระแสรายวัน ดอกเบี้ย 2-4 ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยธนาคารต่าง ๆ ของไทย
ตามระเบียบแล้วการนำเงินบาทออกไปยังประเทศพม่า ลาว กัมพูชา มาเลเซีย เวียดนาม และจีน โดยเฉพาะมณฑลยูนนาน ได้ไม่เกิน 2 ล้านบาท
กรณีนำเงินบาทออกเกิน 450,000 บาท ต้องนำเงินมาสำแดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรตามแบบที่กำหนด เจ้าหน้าที่จะตรวจนับและออกเอกสารกำกับให้ สำหรับประเทศอื่นนำออกได้ไม่เกิน 50,000 บาท
ถ้านำเงินออกมากกว่าที่กำหนดถือเป็นการทำผิดกฎหมาย ผู้นำเงินออกต้องถูกจับ ส่วนเงินต้องถูกยึดดำเนินคดี