ว่ากันว่าธรรมเนียมการแต่งการชุดดำของโลกนั้น อิงมาจาก ค.ศ.1861 จากแต่งกายของพระราชินีวิกตอเรียแห่งอังกฤษ ที่ทรงเลือกฉลองพระองค์ด้วยชุดสีดำตลอดพระชนม์ชีพ เพื่อแสดงถึงความเสียพระทัยและรำลึกถึงพระสามีที่สิ้นพระชนม์ไป จากนั้นการใส่เสื้อผ้าสีดำจึงถือเป็นการแสดงความเคารพและระลึกถึงผู้ตายของชาวตะวันตก
ทำไมต้องสีดำ ? นักโบราณคดีฝรั่ง สันนิษฐานว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของผิว เพราะในสมัยก่อนคนผิวขาวยุคแรกมักจะทาตัวด้วยสีดำในงานศพ เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างคนกับวิญญาณ ทำนองเดียวกันคนแอฟริกันผิวสีบางเผ่าที่ทาตัวด้วยสีขาวให้ตรงข้ามกับสีผิวธรรมชาติที่มีอยู่ เพื่อเป็นการเลี่ยงไม่ให้วิญญาณเห็นและเข้าสิง แม้ในศตวรรษนี้ก็ยังคงพอเห็นการปฏิบัติเช่นนี้ของคนผิวสีอยู่บ้าง ส่วนคนผิวขาวเปลี่ยนจากการทาสีตามตัวมาเป็นสวมเสื้อผ้าสีดำแทน
หากย้อนกลับไปในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 การแต่งกายไปงานศพที่เหมาะสมนั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แต่เพียงการใส่ชุดสีดำอย่างเดียว แต่ยังสามารถใส่ชุดสีม่วง สีน้ำเงินและสีขาวได้อีกด้วยครับ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าผู้ที่จะไปร่วมงานศพจะสามารถเลือกสีของเสื้อผ้าได้ตามใจชอบนะครับ เพราะแต่ละสีก็มีความหมายที่แสดงถึงฐานะหรือความสัมพันธ์ของตนเองกับผู้ตายที่แตกต่างกันไป โดยมีความหมายดังนี้
อย่างไรก็ตาม ความคิดนี้ก็มิได้เป็นสากล เพราะยังมีอีกหลายแห่งที่ใช้สีอื่นนอกจากสีดำในงานพิธีเช่นนี้ เช่น ชาวจีนใช้สีขาว ซึ่งเป็นสีแสดงความหวัง ชาวเปอร์เชียใช้สีน้ำตาลอันเป็นสีที่แสดงถึงใบไม้ที่ร่วงหล่น ส่วนชาวซีเรียใช้สีน้ำเงินซึ่งเป็นสีที่หมายถึงสรวงสวรรค์