เนื้อหาโดย Dodeden.com

ฟังดูเหลือเชื่อเนอะ ที่คนเราสามารถหายใจเข้าออกได้มากถึง 20,000 ครั้งต่อวัน สิ่งดีๆที่เรานํามาบอกไม่ใช่การต่อลมหายใจให้มีชีวิตไปวันๆ แต่ต้องหายใจอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ประโยชน์สูงสุด

การหายใจที่ถูกต้องช่วยควบคุม ฟื้นฟูจิตใจ ดีต่อร่างกายและระดับพลังงาน อย่างไรก็ตาม คนทั่วไปมักหายใจสั้นและถี่ เป็นการเติมอากาศแก่ปอดเพียงครึ่งลิตรเท่านั้น (อันที่จริงปอดสามารถบรรจุออกซิเจนได้ 5-6 ลิตรเลยทีเดียว) รวมถึงมีหน้าที่นําพาออกซิเจนไปทัวร่างกาย เพราะร่างกายคนเราต้องการออกซิเจนสูงไม่ใช่แค่หายใจเฮือกใหญ่ๆ สูดลมเข้าไปเยอะๆ แต่การหายใจที่ดีต้องอาศัยกระบังลม ช่องท้อง ลมปราณรูปแบบต่างๆ การหายใจเข้าออกลึกและยาว จะช่วยขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป และเพิ่มพื้นที่ให้ออกซิเจนเข้ามามากขึ้น จากบรรทัดนี้ไปคือขั้นตอนฝึกการหายใจพร้อมวิธีปฏิบัติสําหรับมือใหม่

เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
การหายใจลึกๆ มีส่วนให้ภูมิต้านทานแข็งแรงขึ้น ด้วยหลักการง่ายๆ คือการผ่อนคลาย เมื่อความเครียดลดลง ร่างกายสามารถควบคุมการหลั่งฮอร์โมนที่เป็นพิษต่อภูมิคุ้มกันได้ ให้นั่งหรือนอนราบ และผ่อนคลายร่างกาย ให้หลังและขาเหยียดตรง วางมือข้างหนึ่งไว้ที่ท้อง อีกข้างไว้ที่หน้าอก หายใจเข้าผ่านจมูกลงไปถึงท้องลึกๆ ช้าๆ สูดอากาศจนเต็มปอด กลั้นลมหายใจไว้ 2-3 วินาที แล้วผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ทางปาก ให้มีเสียงเป่าลมออกมาด้วย หมดแล้วทําซ้ำ เพ่งสมาธิไปที่เสียงและลมหายใจที่ปล่อยออกมาประมาณ 5-10 นาที (จะทํานานถึง 20 นาทีก็ได้) สิ่งสําคัญคือความสม่ำเสมอ แนะนําให้ทําวันละหนึ่งครั้ง หรือสามสี่ครังต่อสัปดาห์ ติดต่อกันเป็นเวลา 5-6 เดือน คุณจะเห็นความเปลี่ยนของร่างกายเลยล่ะ

คลายความวิตกกังวลได้ชะงัด
วิธีหายใจมีอิทธิพลต่อความรู้สึกกลัวของคนเรา เป็นเหมือนวงจรอุบาทว์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ พอรู้สึกวิตกกังวล เราจะหายใจสั้นขึ้น เมื่อร่างกายขาดออกซิเจนเราจะหายใจหอบและถี่ นั่นทําให้เรารู้สึกลนลานตื่นกลัวเข้าไปใหญ่ การถอนหายใจยาวๆ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าระบบประสาททํางานช้าลง หัวใจเต้นช้าลง เราจึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ลองยืน นั่ง หรือนอนก็ได้ ให้กระดูกสันหลังเหยียดตรง หายใจเข้าทางจมูก 3-5 วินาที ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ สม่ำเสมอ ผ่านรูจมูกนาน 6-10 วินาที ทําซ้ำอีกรอบ ไม่จําเป็นต้องหายใจให้ทั่วท้อง หรือกลั้นหายใจระหว่างหายใจเข้าและออก และไม่ต้องให้อากาศเต็มปอดหรือหมดปอด ก่อนจะหายใจครั้งใหม่ เน้นแค่เวลาที่ใช้สูดลมเข้าไปและผ่อนออกมา พยายามฝึกทุกวัน 5-15 นาที

ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ผู้ที่ฝึกการหายใจด้วยกระบังลมนาน 40 นาที หลังสวาปามอาหารจําพวกแป้งและน้ำตาล สามารถหักล้างแคลอรี่ส่วนเกินออกไปได้ เพราะการหายใจลึกๆ สามารถกระตุ้นฮอร์โมนอินซูลิน ที่ทําหน้าที่ลดระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ยังหยุดการสร้างคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) และสารอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายได้ 
หลังกินอาหารมื้อใหญ่เสร็จ 20 นาที ลองนั่งท่าสบายๆ ในที่เงียบสงบ วางมือไว้บนท้อง หายใจเข้า 3 วินาทีให้ทั่วท้อง ให้รู้สึกว่าท้องพองออก แล้วหายใจออกผ่านจมูก 3 วินาที ทําซ้ำแบบเดิม เพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้น ควรทําอย่างต่ำ 30 นาที

เพียงเท่านี้ การฝึกหายใจ ควบคุมประสาทอัตโนมัติ เพื่อกําหนดการทํางานของจิต ก็จะกลายเป็นเพื่อนที่ดีของคุณ ช่วยฝึกลมหายใจให้ได้รับออกซิเจน มากพอ ช่วยลดความดันโลหิตได้ภายใน 2 วัน ควรฝึกปฏิบัติอย่างน้อย 40 นาที หรือทุกครั้งที่มีเวลา

 

 

ป้ายกำกับ:

เรื่องน่าสนใจ