การทำจมูกแบบโอเพ่น ( Open Rhinoplasty )
เป็นการตั้งชื่อตามวิธีการเปิดแผลเพื่อเสริมแต่งจมูก ต่างกับการทำจมูกแบบปิด ( Closed rhinoplasty ) เพียงแค่เพิ่มรอยผ่าตัดบริเวณด้านหน้าจมูก ( Columellar incision ) แต่นอกเหนือจากรอยแผลที่เพิ่มขึ้น การทำจมูกแบบโอเพ่นมีข้อดีอะไรบ้าง ?
การผ่าตัดแบบปิด ( Closed rhinoplasty )
เน้นการปรับวัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก ไม่ว่าจะเป็น ซิลิโคน Gore-Tex หรือ เนื้อเยื่อเทียม ให้รับกับพื้นฐานของจมูกเดิมคือจมูกกระดูก กระดูกอ่อนผนังกั้นโพรงจมูก และ ฮัมพ์ เปรียบง่ายๆเหมือนการสร้างบ้าน ถ้าพื้นบ้านไม่เรียบ บ้านก็เอียงไม่ตรง เหมือนถ้ากระดูกคด ผนังกันจมูกคด การเหลาซิลิโคนที่เท่ากัน สมมาตรกัน ก็อาจทำให้สันซิลิโคนคดเอียงได้เช่นกัน และการมีฮัมพ์ทำให้ซิลิโคนไม่แนบและบิดเอียงได้ ดังนั้นหลักการแก้ไขปัญหาก็มีสองแบบคือ ถ้าไม่เหลาแท่งซิลิโคนหลบกระดูกที่นูนโป่ง หรือผนังกั้นจมูกที่คด ก็ทำการตอกหรือ ตะไบฮัมพ์หรือกระดูกที่นูนออก ส่วนปลายจมูกก็เช่นกัน หากเนื้อจมูกเยอะหนาไม่เท่ากันก็อาศัยการปรับแท่งซิลิโคนให้รับกับเนื้อที่ไม่เท่ากัน หรืออาจใช้การรองปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู เนื้อเยื่อเทียม หรือเย็บอินเตอร์โดมเข้าช่วย
การทำจมูกแบบโอเพ่น ( Open Rhinoplasty )
หลักการต่างออกไป เน้นการปรับโครงสร้างจมูกโดยการเปิดจมูกออกให้เห็นโครงสร้างภายในจมูกอย่างแท้จริง ทั้งกระดูกจมูก ผนังกั้นโพรงจมูก กระดูกอ่อนจมูก และปลายจมูก สามารถปรับแต่งโครงสร้างและส่วนประกอบต่างๆ ได้ชัดเจนและแม่นยำ รวมถึงสามารถตัดแต่งเนื้อจมูกส่วนเกินออก กระดูกจมูก และกระดูกอ่อนจมูกส่วนเกินออกได้แม่นยำกว่า เมื่อหลักการผ่าตัดต่างกัน จึงมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน
ในคนไข้บางรายที่มีอาการหายใจไม่ออก คัดจมูก จากผนังกั้นจมูกคด และกระดูกคด หรือมีการตีบของวาล์วด้านในจมูก ก็สามารถใช้การผ่าตัดแบบโอเพ่นเพื่อเข้าไปตัดแต่งกระดูกอ่อนผนังกั้นจมูกที่คดและ ทำสเปรดเดอร์ กราฟ เพื่อแก้ไขการตีบของวาล์วด้านในจมูก เรียกได้ว่าได้ทั้งทรงจมูกสวยขึ้น และหายใจสะดวกขึ้นจากการผ่าตัดครั้งเดียว
ข้อเสียของการทำจมูกแบบโอเพ่น คืออาจมีแผลผ่าตัดภายนอกที่มองเห็นได้บริเวณด้านหน้าจมูก และระยะเวลาในการบวมมากกว่าและใช้เวลาในการเข้าที่นานกว่าการผ่าตัดแบบปิด
เนื้อหาโดย Dodeden.com
สนใจหาข้อมูลและปรึกษาศัลยกรรมได้ที่นี่