จากกรณีที่นายกอร์ดอน เลค ได้โพสต์ข้อความและรูปภาพผ่านเฟสบุ๊ก bringcarmenhome ว่าสามารถติดต่อผู้หญิงชาวไทยที่เป็นเจ้าของไข่บริจาคได้แล้ว และจากการพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือดของน้องคาร์เมน กับนายกอร์ดอน เลค และ ผู้บริจาคไข่ พบว่ามีความสัมพันธ์ทางสายเลือดถึง 99.99 เปอร์เซ็นนั้น
นางสาวกุลกันยา วรวณิชา ที่ปรึกษาฝ่ายกฏหมาย ของนายกอร์ดอน เปิดเผยว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอ ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่จะใช้ต่อสู้ในชั้นศาล หลังได้ยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้น้องคาร์เมน เด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญ เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฏหมายของคู่รักชายรักชาย เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ตามบทเฉพาะกาล มาตรา 56 ในพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ หรือ กฎหมายอุ้มบุญ ที่ระบุว่าหากมีกรณีเกิดขึ้น ก่อนกฎหมายอุ้มบุญประกาศใช้ ผู้ว่าจ้างให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทน สามารถยื่นคำร้องต่อศาล ให้ศาลมีคำสั่ง ให้เด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของสามีและภรรยาที่ว่าจ้าง แม้จะไม่ใช่สามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม ซึ่งศาลนัดไต่สวนนัดแรกวันที่ 30 ต.ค.นี้
ทั้งนี้แม้จะมีการยื่นคำร้องต่อศาลไปแล้ว นายกอร์ดอน ยังหวังที่จะให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นตัวกลางในการประสานให้เกิดการเจรจา ต่อรองระหว่างชายชาวสหรัฐอเมริกา และหญิงอุ้มบุญชาวไทย เพราะเชื่อมั่นว่าจะสามารถยุติปัญหาได้เร็วกว่าการรอคำตัดสินของศาล ที่อาจจะต้องใช้เวลานานเป็นปี
ด้านนางสาววีรุทัย มณีนุชเนตร ที่ปรึกษากฏหมายแม่อุ้มบุญ เปิดเผยว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน และร่างคำคัดค้านส่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และเชื่อมั่นว่าหลักฐานที่ตนมีจะสามารถสู้ในชั้นศาลได้ และมองว่าหลักฐานการพิสูจน์ดีเอ็นเอระหว่างน้องคาร์เมน และพ่อแม่เจ้าของเซลล์สืบพันธุ์ ไม่ทำให้เกิดความกดดันกับการต่อสู้ในครั้งนี้ เพราะเชื่อว่าศาลจะพิจารณาตัดสินอย่างเป็นธรรม โดยยึดสิทธิและประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นหลัก และขอไม่เจรจากับฝ่ายคู่รักชายรักชายแม้จะได้รับการประสานจากหน่วยงาน
ทั้งนี้ที่ปรึกษากฏหมายแม่อุ้มบุญ ยืนยันว่า การไม่ยินยอมเซ็นเอกสารให้น้องคาร์เมน ได้กลับไปต่างประเทศกับครอบครัวนั้น ไม่ไช่เพราะพ่อเป็นคู่รักชายรักชาย แต่เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยของเด็ก ซึ่งที่ผ่านมาทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบและประเมินความพร้อมในการเลี้ยงดูเด็กของแม่อุ้มบุญแล้ว โดยเชื่อว่าแม่อุ้มบุญจะสามารถเลี้ยงน้องคาร์เมนให้เติบโตอย่างมีคุณภาพได้ด้วยความรักและความอบอุ่น แม้จะไม่มีความเกี่ยวพันธุ์ทางสายเลือดก็ตาม