แชร์แล้วแชร์อีก ไม่จบไม่สิ้น กรณีการเผยแพร่และส่งต่อภาพน้ำดื่มสโมสรรัฐสภา ขนาด 600 มล. ในสื่อออนไลน์ ที่บนฉลากมีคำแนะนำ วิธีดื่มน้ำให้ได้ประโยชน์สูงสุด
โดยให้เหตุผลว่า น้ำดื่มทั่วไปจะมีโมเลกุลค่อนข้างใหญ่ ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมไปใช้ได้ทันที จึงมีคนคิดผลิตเครื่องทำน้ำโมเลกุลเล็ก ซึ่งมีราคาแพงมาก
วิธีง่ายๆ ในการทำน้ำให้มีโมเลกุลเล็กคือ 1.เขย่าขวดบ่อยๆ แรงๆ เพื่อให้โมเลกุลของน้ำแตกตัวเล็กลง 2.มือจับขวดน้ำแล้วอธิษฐาน (ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง) นึกภาพให้มีลำแสงสีขาวพุ่งจากมือเข้าไปที่น้ำ ทั้งนี้ มีการอ้างอิงว่า ข้อความดังกล่างมาจากหนังสือ “หายเจ็บหายจน ด้วยตนเอง” โดย อ.สุทธิวัสส์ คำภา
นายเจษฎา เด่นดวงบริพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ อธิบายถึงสรรพคุณของน้ำดังกล่าวว่า สิ่งที่ปรากฎเป็นเรื่องไร้สาระ ที่เข้าใจผิด เนื่องจากในทางวิทยาศาสตร์เป็นที่ทราบว่าโครงสร้างของน้ำคือ H2O ที่แทบจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบไม่ได้
และเมื่อเราดื่มน้ำ น้ำก็จะซึมเข้าเซลล์โมเลกุล ยกเว้นแต่น้ำจะผ่านพลังงานแม่เหล็กแรงสูง ดังนั้น แรงเขย่าของคนจึงไม่ทำให้น้ำมีขนาดโมเลกุลเล็กลง ซึ่งความเข้าใจผิดนี้ ไม่ได้มีเพียงที่ระบุไว้ในฉลากข้างขวดน้ำรัฐสภา
แต่โฆษณาชวนเชื่อนี้ มักจะมากับการขายเครื่องกรองน้ำ ที่อ้างว่า ดื่มแล้วจะให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง ส่วนที่มีข้อความว่า ให้อธิษฐานก่อนดื่มก็เข้าใจได้เลยว่า ทำไมรัฐสภาไทยจึงเป็นแบบนี้
ด้าน นายสมชาติ ธรรมศิริ ประธานกรรมการและผู้จัดการสโมสรรัฐสภา ชี้แจงว่า เป็นผลงานของทีมบริหารงานชุด นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่อนุญาตให้ ร้านครัวรัฐสภา ทำสัญญาจ้างการประปานครหลวง มีต้นทุนการผลิต 3.90 บาท และขายในราคา 8 บาท
พอมีการปรับเปลี่ยน ตนเข้ามารับผิดชอบ ก็ได้ทำสัญญาใหม่กับการประปานครหลวง เมื่อเดือนธ.ค. ที่ผ่านมา โดยขอเปลี่ยนสีและข้อความบนฉลาก เป็นสีเขียวและใช้ค่านิยมรัฐสภาแทน ซึ่งจะวางแทนขวดเดิมภายในสิ้นเดือนม.ค.นี้
ทั้งยังปรับราคาขายปลีกลงเหลือ 5 บาท พร้อมทั้งนำกำไร 1 บาท ไว้เป็นสวัสดิการของข้าราชการและพนักงานราชการ ดังนั้น จึงมีคำถามตามมาว่า ส่วนต่างของกำไร 4 บาทต่อขวด ก่อนหน้านี้หายไปไหน