เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 16 ก.ค. พ.ต.อ.ไพฑูรย์ คุ้มสระพรหม รองผบก.ปคบ. พร้อมด้วย น.พ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่นำหมายค้นของศาลแขวงพระนครเหนือ เลขที่ 39/2558 ลงวันที่ 16 ก.ค เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 52/115 หมู่บ้านกลางเมือง ซอยประชาอุทิศ แขวงและเขตวังทองหลาง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า ที่บ้านดังกล่าวมีการลักลอบเปิดเป็นสถานเสริมความงามโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีผู้มาทำการเสริมความงามและเกิดใบหน้าพัง
โดยสถานที่ดังกล่าว เปิดเป็นลักษณะบ้านทาวน์โฮม 3 ชั้น โดยชั้นล่าง เป็นที่รักษาและตรวจดูอาการ พบอุปกรณ์การแพทย์ และยาชนิดต่างๆ เป็นจำนวนมาก ตรวจสอบชั้นที่ 2 เป็นที่พัก และที่ชั้น 3 เป็นห้องพักฟื้น ผู้ที่มารักษาเกี่ยวกับเสริมความงาม เจ้าหน้าที่พบ นายสุทัศน์ ปิดตาฝ้าย อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของสถานเสริมความงามเถื่อน
อ้างว่าก่อนหน้านี้มีอาชีพเป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่โรงพยาบาลทหารเรือ แต่ด้วยความที่รักและชื่นชอบในการศัลกรรมตกแต่งใบหน้า จึงไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับการเสริมความงามมาโดยเรียนมา 4 ปี
เมื่อจบมาก็อยากที่จะลองวิชาที่เรียนและมาอาศัยบ้านเพื่อน เป็นที่ทำศัลกรรมใบหน้า ส่วนลูกค้าจะมีอาชีพ แดนเซอร์ พริตตี้ และพวกที่ใบหน้าเสียโฉมมา ซึ่งกลุ่มนี้จะทำให้ฟรี เหมือนกับได้เรียกลูกค้าใหม่ๆ และค่าบริการก็จะแล้วแต่การทำ มีตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่นและยอมรับว่า ผิดที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเกี่ยวกับเวชกรรมเบื้องต้น
เจ้าหน้าที่จึงยึดยาชนิดต่างๆไว้ พร้อมอุปกรณ์เสริมความงามพร้อมทั้งแจ้งข้อหาประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต การเปิดสถานบริการเถื่อนไม่ได้รับอนุญาต ขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ขายยาโดยไม่ได้ขึ้นตำรับทะเบียนยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ทางเจ้าหน้าเข้าตรวจค้นและจับกุมได้มี นายกฤตภัค วณิชาวงศ์ อายุ 28 ปี (หรือน้องกิ๊ฟ) อยู่บ้านเลขที่ 556 หมู่ 18 ตำบลไร่น้อย อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี อดีตผู้ประกวดชนะเลิศ รางวัลที่ 3 มิสทิฟฟานี่ เมื่อเดือนม.ค.58 ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ตนหลังที่ได้รับรางวัล เป็นกิฟวอยเชอร์มาเป็น จำนวนเงิน 50,000 บาท ซึ่งเป็นรางวัลที่มาทำศัลกรรมตกแต่งใบหน้าเสริมสวยงามที่คลินิกดังกล่าว พร้อมถ้วยรางวัล จากนั้น ได้มาที่คลินิกแห่งนี้หรือที่วงการเสริมความงามเรียกว่า คลินิกหมอซิ่ง
โดยหลังที่ได้กิฟวอยเชอร์เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยตั้งใจจะมาฉีดใบหน้าให้อิ่มขึ้น หมอบอกว่าใบหน้าดีแล้ว ให้เหลาจมูกจะดีกว่าตนจึงตัดสินใจไปทำ หลังจากนั้นอีก 4 วัน จมูกก็มีอาการบวมแดง มีน้ำหนองไหล ออกมาที่บริเวณแผล เหมือนจุดที่ทำไปมีปฎิกิริยากับซิลิโคนที่จมูกของตนเอง จึงเดินทางมาหาหมออีกครั้ง
ซึ่งหมอบอกว่าจะนัดให้เอาซิลิโคนที่จมูกออกในวันที่ 25 ก.ค เนื่องจาก ซิลิโคนของตนเองไปทำปฏิกิริยากับยาที่ฉีดเข้าไป จึงทำให้เกิดอาการบวมและเป็นหนอง ตนคิดว่ามันนานเกินไป กว่าจะถึงวันที่ 25 ก.ค. เพราะจะทำให้หน้าเสียโฉม จมูกเน่า จึงไปหาแพทย์เองก่อนที่จะเข้าร้องเรียนกับทางเจ้าหน้าสาธารณสุข
ด้านนพ.ธเรศ เปิดเผยว่า สำหรับสถานเสริมความงามแห่งนี้ เปิดบริการไม่ถูกหลักอนามัย จึงทำให้ผู้ที่มาทำเกิดการติดเชื้อ ดูจากการเก็บเครื่องมือการแพทย์ เช่น เข็มฉีดยา ที่ใช้แล้วกลับมาใช้อีก จึงทำให้เกิดการติดเชื้อ ซึ่งเบื้องต้นก็จะนำยาชนิดต่างๆ มาตรวจสอบว่ามาจากแหล่งใด