เรื่องความรักของคนในวงการบันเทิง มีมาให้ได้ยินให้ได้เห็นกันบ่อยๆ ทั้งรักๆ เลิกๆ ฉาวๆ วนเวียนสลับกันไป เรียกว่าเป็นการสร้างสีสันให้กับชีวิตของบรรดาขาเผือกเป็นอย่างมาก เพราะการเป็นคนดังของวงการบันเทิง ส่วนหนึ่งก็ต้องทำใจยอมรับแล้วว่า การเข้ามายืนในจุดนี้กลายเป็นคนของประชาชนแล้ว เรื่องส่วนตัวทุกอย่างจึงกลายเป็นเรื่องของประชาชนไปโดยปริยาย ความรักก็เช่นกัน การเปิดตัวว่าใครคบใครนั้น เป็นเรื่องที่ฮือฮาเป็นอย่างมากสำหรับวงการบันเทิง แต่ใช่ว่าทุกคู่จะลักกี้อินเกมลักกี้อินเลิฟเสมอไป เพราะมีหลายต่อหลายคู่ที่พอเปิดตัวแล้ว เกิดกระแสแอนตี้กันอย่างหนัก
โตโน่ ภาคิน และ แตงโม ภัทรธิดา
คู่นี้ถ้าไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ เพราะอยู่ในกระแส และมักจะมีคนถามกันตลอดว่า สุดท้ายแล้วโตโน่กับแตงโมเลิกกันจริงหรือไม่ หรือว่าเป็นแค่การสร้างกระแสเฉยๆ หากจะย้อนไปถึงเรื่องราวความรักของทั้งคู่ เริ่มต้นมาจากการที่หนุ่ม โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ออกมายอมรับกับสื่อมวลชนว่า เป็นฝ่ายเริ่มจีบสาว แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ก่อน และหลังจากนั้นก็ชวนกันไปดูหนังรอบดึก และมีคนตาดีเห็น
เจ้าตัวก็ได้ออกมายอมรับแบบแมนๆ ว่า กำลังคบกัน และเรื่องนี้เองก็เป็นประเด็นสร้างดราม่าให้กับแฟนคลับเป็นอย่างมาก เพราะมีหลายคนที่รับไม่ได้กับเรื่องนี้ และไม่เห็นด้วยที่โตโน่จะคบกับแตงโม ที่ก่อนหน้านั้นหลายคนก็รู้กิตติศัพท์กันดีว่า แตงโมเป็นเช่นไร แต่สุดท้ายโตโน่แตงโมก็ฝ่าด่านของบรรดาแฟนคลับไปได้ ถ้ารักโตโน่ก็ต้องรักแตงโมด้วย และเป็นที่ฮือฮาอีกครั้ง เมื่อมีรูปหลุดออกมาคล้ายทั้งคู่กำลังเข้าพิธีแต่งงานแบบคริสต์ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ มันคือเป็นพิธีหมั้นนั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นกระแสดราม่าสักระยะ มีทั้งยินดียินร้าย แต่ความรักของทั้งคู่ก็ชนะทุกสิ่ง พร้อมวลีเด็ดที่ฝ่ายชายบอกกับฝ่ายหญิงว่า “ถ้าวันนี้ภัทรธิดาหมดลม ก็คงไม่มีภาคิน”
หลังจากนั้นความรักของทั้งคู่ก็ได้เปิดเผยให้คนได้เห็นได้ติดตามผ่านอินสตา แกรม เรียกว่าหวานจนน้ำตาลเรียกพี่เลยทีเดียว แต่ล่าสุดก็มีข่าวลือออกมาว่า โตโน่แตงโมเลิกกันแล้ว ซึ่งจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ งานนี้เลยกลายเป็นเรื่องราวที่ฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง และฝ่ายชายก็ออกมายอมรับว่า ห่างกันได้ 3 เดือนแล้ว
โดยปัญหานั้นเกิดจากทัศนคติที่ไม่ตรงกัน และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตไม่ค่อยเหมือนกันนั่นเอง แต่ยังยืนยันยังรักแตงโมเหมือนเดิม และยังไม่ได้เลิกกัน ที่ห่างกันเพราะว่าช่วงนี้ตนเองงานยุ่งเท่านั้น กำลังปรับความเข้าใจกันอยู่ ส่วนฝ่ายหญิงก็ยังไม่ได้ออกมาพูดใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็คงต้องปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า ว่าสุดท้ายแล้วความรักของโตโน่กับแตงโมจะเป็นเช่นไร จะเป็นไปตามสัญญาที่เคยให้แก่กันไว้หรือไม่ ต้องติดตาม…
เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ และ เอ๋ ชนม์สวัสดิ์
เป็นอีกคู่ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการบันเทิง กับความรักของนางเอกสาว เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ กับนักการเมืองปากน้ำ เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ตั้งแต่แรกรักที่ทิ้งปริศนาให้คนขุดคุ้ยกันมากมาย จนกระทั่งจบลงที่การหย่าร้างก็ยังทิ้งปริศนาไว้ให้อีก นี่ถ้าไม่เป็นดารานี่นึกว่าเป็นคนสร้างปริศนาอักษรไขว้ของประเทศไปแล้ว เพราะกว่าจะเฉลยรู้ความจริงกันได้ เล่นเอาบรรดาขาเผือกแทบลากไส้กันเลยทีเดียว
จนในที่สุดเรื่องราวของเจนี่และเอ๋ก็ถูกเปิดเผยโดยทั้งคู่เอง ในวันที่จดทะเบียนสมรส หลังจากที่คบหาดูใจกันมาได้ 5 เดือน และหลังจากนั้นทั้งคู่ก็เปิดตัวกันจริงๆ จังๆ มีเรื่องหวานๆ รูปหวานๆ ให้ได้ติดตามกันตลอด ซึ่งตลอดเวลาการใช้ชีวิตคู่นั้น ก็ถูกจับจ้องโดยตลอดพร้อมทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนรอบด้าน ทำให้ช่วงนั้นเรตติ้งของเจนี่เริ่มดิ่งลงเหว ด้วยความเข้าใจของหลายๆ คนว่า เธอไปแย่งสามีคนอื่นมาเป็นของตัวเอง แต่ความจริงแล้ว ฝ่ายชายได้หย่ากับอดีตภรรยา ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย ไปหลายสิบปีแล้ว และในช่วงนั้นงานในวงการบันเทิงของเจนี่ก็ลดน้อยลงตามไปด้วย
แต่ตำนานความรักฟ้าแลบก็จบลงภายในเวลาไม่ถึง 1 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนสมรส ด้วยสถิติดูใจ 5 เดือน แต่งงาน 11 เดือน แล้วหย่า ตอนแต่งก็ฮือฮา แต่ตอนเลิกยิ่งฮือฮาใหญ่ เนื่องจากปิดตำนานไม่สวย พร้อมทั้งมีข่าวลือออกมาเรื่อยๆ ว่าทั้งคู่เตียงหักแล้ว แต่ในที่สุดความจริงก็ถูกเปิดเผยว่า ทั้งคู่รักถึงทางตัน เรื่องราวต่างๆ ถูกเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียมาเป็นระลอก ทั้งการเปลี่ยนไอจีของเจนี่ ที่ก่อนหน้านี้ใช้ร่วมกันกับฝ่ายชาย
ทั้งภาพหลุดหญิงสาวหน้าคล้ายเจนี่โดนทำร้าย และภาพการสนทนาไลน์ในกลุ่มผู้ชายแฟนของเพื่อนเจนี่ เกี่ยวกับการเลิกราของทั้งคู่ เหตุการณ์ทั้งหมดทำเอานักข่าวตามกันจ้าละหวั่น ก่อนจะมีภาพเจนี่โชว์ใบหย่าออกมายืนยัน ปิดฉากความรักตำนานปากน้ำ จนเจนี่ต้องหลบไปพักใจถึงอเมริกานานนับเดือน แต่กว่าจะกู้คืนกลับมาเป็น เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ได้ ก็ต้องใช้เวลานานเหมือนกัน กว่าคนจะเปิดใจยอมรับเจนี่กลับมาอีกรอบ แต่ยังไงอดีตก็คืออดีต และในปัจจุบันเจนี่เองก็กำลังมีรักครั้งใหม่แล้ว ซึ่งก็ต้องใช้เวลาศึกษากันให้นานกว่าเดิม…
กรีน อัษฎาพร และ เคลลี่ ธนะพัฒน์
ความรักของ กรีน เคลลี่ เริ่มเมื่อฝ่ายชายจบความรักกับ บี น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ ในเดือนเมษายน 2554 ก่อนที่ 2 เดือนต่อมา เคลลี่ จะมีข่าวควงนางเอกก้านยาว กรีน อัษฎาพร ไปไหว้พระ ซึ่งทั้งคู่ก็ออกมายอมรับว่าไปด้วยกันจริงแต่สถานะยังเป็นแค่พี่น้อง และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พี่เคลลี่มาจีบหรือเปล่า กรีน ยังเอ่ยปากเขินๆ บอก “ถ้าเขามาจีบจริงๆ ก็ต้องลองศึกษาดูค่ะ”
จากนั้นในช่วงเดือนสิงหาคม เคลลี่ เปิดใจถึงกรีน และยอมรับว่า มีความรู้สึกที่ดี กรีนเป็นคนที่น่ารัก แต่เรื่องคบกันต้องเป็นเรื่องของเวลา ส่วนเรื่องอายุก็ไม่มีปัญหา แต่ก็ถือว่ากรีนคือผู้หญิงที่ถือว่าสนิทที่สุด ใช่ที่สุด ขณะที่กรีนเองก็บอกว่า ความสัมพันธ์กับฝ่ายชายดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่อยากบอกว่าเป็นแฟน และไม่ได้รีบร้อนต้องมาเป็นแฟน แต่ก็ถือว่าเป็นคนนึงที่ตนเองคุยแค่คนเดียว ก่อนที่ในเดือน ตุลาคม 54 เคลลี่ เอ่ยปากยอมรับว่า กรีน คือคนพิเศษ “เรียกว่าคุยอยู่คนเดียว ก็ไม่ได้คุยกับใคร มีความรู้สึกดีต่อเค้า ถือว่าเป็นคนพิเศษมั้ย ก็เป็นคนพิเศษ”
แต่แล้วเส้นทางความสัมพันธ์ของ กรีน เคลลี่ ก็มาถึงจุดอื้อฉาวเมื่อในเดือนพฤษภาคม ปี 56 ฝ่ายชายฟ้องคุณพ่อของ กรีน ในข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้ตนเสียหาย เนื่องจากโดนคุณพ่อของฝ่ายหญิงยื่นจดหมายกล่าวหาในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ร่วมถึงมีการส่งจดหมายไปถึงผู้จัดละครและช่อง ซึ่งทางกรีนประกาศตัวเป็นกลาง รักทั้งสองฝ่าย แต่ขอยืนข้างความถูกต้อง
สุดท้ายจึงเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์สาวกรีนอย่างรุนแรงว่า เลือกฝ่ายชายมากกว่าพ่อ จนคุณพ่อต้องออกคลิปแถลงการณ์ปกป้องลูกสาว พร้อมขอเคลลี่ถ้าเป็นลูกผู้ชายจริง ต้องอดทนรอให้ลูกสาวเรียนจบก่อน โดยยืนยันไม่ฟ้องกลับฝ่ายชาย แต่ที่ทำไปเพราะต้องการปกป้องลูกสาว วอนแฟนคลับอย่าตำหนิกรีน ให้ตำหนิตนเองแทน
งานนี้ชุลมุนเป็นข่าวอยู่สักระยะ เรื่องราวก็จบลงด้วยดีเมื่อมีการถอนฟ้อง และเคลลี่เข้าไปกราบขอขมาคุณพ่อคุณแม่ของสาวกรีน ยืนยันจะคบกันอยู่ภายในกรอบของครอบครัว โดยมีคุณแม่น้องกรีนเป็นกาวใจ ออกมาตั้งโต๊ะแถลง พร้อมกรีน เคลลี่ แบบแฮปปี้เอนดิ้ง แต่อยู่ๆ โดยไม่ให้ใครตั้งหลัก มีนาคม 58 กรีนก็ออกมายอมรับว่า เลิกแล้วค่ะ ห่างกันมาได้สักพัก พร้อมย้ำว่า “ไม่เคยบอกใครว่าเป็นแฟนเคลลี่” และด้านฝ่ายชายเอง ก็บอกว่า คบกับกรีนเป็นแค่พี่น้องกันในรูปแบบของเรา แค่มีความรู้สึกที่ดีต่อกันเท่านั้นเอง…
