จากกรณี โลกโซเชียลได้ช่วยกันแชร์กรณีที่นายอธิวัฒน์ วิทย์พิชิตชัย หรือน้องคิว อายุ 18 ปี ที่สอบติดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมงวดแรกจำนวน 36,000 บาท เนื่องจากแม่ซึ่งเป็นเสาหลักเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ส่วนพ่อแท้ๆ ก็ทิ้งไปตั้งแต่น้องคิว 4 ขวบ ขณะที่พ่อเลี้ยงหลังแม่เสียชีวิตแล้วก็ไม่ให้อยู่ร่วมบ้านด้วย จนน้องคิว ต้องไปขออาศัยอยู่กับนางจันทร์จิรา เกียรตินอก ผู้เป็นป้า ที่มีอาชีพขายข้าวแกงดูแล ต่อมาพบว่ามีการบริจาคให้กับน้องคิวได้เรียนต่อพร้อมทั้งมีคนพร้อมรับอุปการะ แต่ภายหลังเพจต่างๆ มีการกล่าวหาว่า ทั้งป้า และหลานหลอกลวงให้ผู้คนมาบริจาคเงินช่วยค่าเทอม ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ยากจนจริงนั้น
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังนางจันทร์จิรา ป้าของน้องคิว ซึ่งเปิดเผยว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องจริงไม่ได้โกหกตามที่ถูกกล่าวหา โดยพ่อแท้ๆ ของน้องคิว ได้ทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็ก ก็ไม่เคยติดต่อกับแม่น้องคิวอีกเลย กระทั่งแม่น้องคิว ซึ่งก็เป็นน้องสาวของตนเอง ได้มีสามีใหม่คือพ่อเลี้ยงของน้องคิว คนปัจจุบัน ซึ่งสามีใหม่คนดังกล่าวมีลูกติด 3 คน ส่วนน้องคิวเป็นลูกติดน้องสาว และมีลูกด้วยกันเพิ่มอีก 1 คนรวมเป็น 5 คน ช่วงที่น้องสาว ยังมีเสียชีวิตอยู่ก็ไม่ได้ขัดสนอะไร เพราะน้องสาว มีอาชีพขายอาหารตามสั่งอยู่ในตลาดไนท์มีรายได้เพียงพอ ที่จะเลี้ยงดูน้องคิว และคนในครอบครัวถือเป็นเสาหลักของบ้านเลยก็ว่าได้ และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร
“กระทั่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา น้องสาวได้นอนเสียชีวิตอย่างกะทันหัน โดยไม่ทันได้สั่งเสียอะไร และจู่ๆ ร้านขายอาหาตามสั่งที่น้องสาวเคยขายและน้องคิว ก็ไปช่วยขายนั้น พ่อเลี้ยงก็สั่งห้ามเข้าไปยุ่งเขาจะดูแลจัดการเอง ทั้งห้ามเข้าบ้านที่เคยอาศัยอยู่กับแม่โดยบอกให้ต่างคนต่างอยู่ ทำให้น้องคิว ขาดที่พึ่งต้องมาอาศัยอยู่กับตนซึ่งเป็นป้า ต้องคอยอุปการะดูแลมาจนทุกวันนี้” นางจันทร์จิรา กล่าว
ส่วนกรณีที่ผู้โพส์ตกล่าวหาว่าไม่ได้ยากจนจริงแต่ไปโพสต์โซเชียลขอความช่วยเหลือนั้น นางจันทร์จิรา กล่าวว่า ไม่เคยบอกว่า ตนเองยากจนหรือร่ำรวยแต่ก็มีอาชีพพอเลี้ยงตัวเองและลูกได้ เพียงแค่ช่วงนั้นน้องคิว ซึ่งเป็นหลานที่มาขอที่พึ่งอาศัยหลังแม่เสียชีวิต มาบอกว่าสอบติด ม.เกษตรฯ แล้วทางมหาวิทยาลัยแจ้งว่าให้จ่ายค่าเทอมงวดแรกเพื่อยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษา ซึ่งขณะนั้นก็ไม่มีเงินก้อนที่จะไปจ่ายให้หลาน ส่วนตัวหลานก็ไม่มีทรัพย์สินอะไรติดตามมา จึงโทรไปปรึกษาแฟนที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัด แฟนก็เลยโพส์ตเฟสบุ๊กโดยมีเนื้อหาว่าหากมีผู้ใจบุญให้ยืมเงิน เพื่อนำไปเป็นค่าเทอมให้กับน้องคิว ที่สอบติด ม.เกษตรฯ แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม หากกู้เงิน กยศ.ได้ก็จะผ่อนจ่ายคืนให้ แต่เมื่อโพส์ตเรื่องราวแล้วก็มีสื่อมาทำข่าว และก็มีผู้ใจบุญบริจาคเงินช่วยค่าเทอมและค่าเล่าเรียนให้กับน้องคิวจำนวนมาก
“สำหรับกรณีที่กล่าวว่าน้องคิว นำเงินที่ได้รับบริจาคไปเข้าร้านอาหาร ซื้อมือถือ และนาฬิการาคาแพงนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ปัจจุบันน้องมีเพียงรถจักรยานยนต์ที่ยังติดไฟแนนซ์ มือถือ และนาฬิกา ที่แม่ของน้องเป็นคนซื้อให้ก่อนเสียชีวิต แต่ทรัพย์สินมีค่าอย่างอื่นน้องไม่มีอะไรติดตัวมา ไม่รู้ว่าคนที่โพส์ต กล่าวหา มีจุดประสงค์อะไร แต่การที่ทำแบบนี้ทำให้สังคมเข้าใจผิด จนตอนนี้ทั้งตนเองและน้องคิว เครียดมาก โดยเฉพาะน้องสภาพจิตใจย่ำแย่มาก เพราะนอกจากจะสูญเสียแม่แล้วยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้” นางจันทร์จิรา กล่าว
นางจันทร์จิรา ยังยืนยันว่า ข้อมูลทุกอย่างเป็นเรื่องจริงสามารถตรวจสอบได้ แต่ไม่ว่าผู้โพสต์จะมีจุดประสงค์อะไรก็ถือเป็นการกล่าวหา ทำให้ผู้อื่นหรือสังคมเข้าใจผิด ตนก็จะปรึกษาผู้รู้ทางกฎหมาย เพื่อแจ้งความฟ้องร้องเอาผิดกับผู้โพส์ตข้อความกล่าวหาตนและหลาน และจะปิดบัญชีรับบริจาคเพื่อไม่ให้เกิดกระแสกระทบจิตใจหลาน อีกทั้งเงินที่ได้รับบริจาคก็เพียงพอกับค่าเล่าเรียนแล้ว พร้อมขอบคุณผู้ใจบุญที่มีเมตตาช่วยเหลือหลาน