ผู้สื่อข่าวทราบว่าที่สำนักสงฆ์นาคำมูล บ.นาคำมูล ม.5 ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี มีศพของฤๅษีไผ่ (ไถ่) หลังเสียชีวิตแล้วศิษย์ได้นำศพใส่โลงไม้ แล้วต่อมาหลังเสียชีวิตมา 10 เดือนแล้วสรีระยังไม่เน่าเปื่อย จึงได้นำมาใส่ในโลงแก้วไว้เพื่อให้ลูกศิษย์มากราบไหว้สักการะ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงสำนักสงฆ์ดังกล่าวพบ พระอาจารย์ทรงเดช จิตฺตสํวโร รักษาการหัวหน้าสำนักสงฆ์นาคำมูล เปิดเผยว่า ปู่ฤๅษีไผ่ (ไถ่) นามเดิมนายคำไถ่ ไม่ทราบนามสุกล ไม่ทราบวัน เดือน ปีเกิดที่แน่ชัด แต่เมื่อก่อนเสียชีวิตทราบว่าอายุราว 100 ปี เป็นชาวอำเภอท่าคันโท จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งปู่ฤๅษีไผ่
ก่อนที่จะมาครองสมณะเพศฤๅษีนั้น เคยบวชเป็นพระและรับใช้เป็นศิษย์หลวงพ่อพิบูลย์ วัดพระแท่น (วัดบ้านแดง) อ.พิบูลย์รักษ์ จังหวัดอุดรธานี หลังหลวงพ่อพิบูลย์มรณะภาพได้ลาสิกขาบท มามีครอบครัว จากนั้นได้พบกับหลวงปู่สำเร็จลุน จึงได้บวชอีกครั้ง แล้วฝากตัวเป็นศิษย์พร้อมเรียนวิชาทางธรรมจนสำเร็จ เมื่อสำเร็จได้ขอลากลับบ้านเพื่อมาเยี่ยมโยมแม่ ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ จากนั้นได้ธุดงค์จำพรรษาตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ที่ไหนมีเกจิอาจารย์เก่งๆ ท่านก็จะไปขอร่ำเรียนวิชา
ด้วยอุปนิสัยของปู่ฤๅษีไผ่ มีนิสัยสันโดษ ทำให้ไม่ค่อยมีใครรู้จักท่านมากนัก มีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรู้จักนิสัย ซึ่งท่านไม่ชอบให้ใครถามถึงประวัติความเป็นมา ส่วนใหญ่ท่านจะเล่าให้ฟังเอง ท่านมักจะชอบธุดงค์ออกไปตามคำเชิญของลูกศิษย์
ซึ่งการอยู่การกินท่านก็จะแบบง่ายๆ คือจะนำอาหารทั้งคาวหวานมาใส่รวม ๆ กันแล้วกิน ทั้งนี้ปู่ฤๅษีไผ่ได้เปลี่ยนการครองสมณะเพศจากพระภิกษุมาเป็นฤๅษีโดยไม่ทราบแน่ชัดว่าเพราะเหตุใด ซึ่งท่านได้ครองสมณะเพศฤๅษีมา 9 ปี จนกระทั่งเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2557 ท่านก็เสียชีวิตด้วยโรคชรา ณ สำนักสงฆ์แห่งนี้
ก่อนปู่ฤๅษีไผ่ จะเสียชีวิตลงได้บอกให้ลูกศิษย์ว่าอย่านำศพไปเผาหรือฝังมันจะอายเข้า ให้ทำตามแบบอย่างที่มีมา ซึ่งช่วงแรกลูกศิษย์ก็นำร่างใส่โลงไม้ แต่เมื่อพบว่าร่างกายไม่เน่าเปื่อย จึงได้นำใส่ในโลงแก้ว ตั้งไว้ ณ สำนักสงฆ์แห่งนี้เพื่อให้ลูกศิษย์ได้กราบบูชาสักการะ
พระอาจารย์ทรงเดชฯ กล่าวในตอนท้ายว่า ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2557 นี้ ทางลูกศิษย์จะทำการทอดกฐิน เพื่อหารายได้สร้างเจดีย์ศรีมรรคา เพื่อประดิษฐานอัฐิพระบรมสารีริกธาตุ และสรีระปู่ฤๅษีไผ่ จึงอยากขอเชิญชวนลูกศิษย์ที่ศรัทรามาร่วมงานโดยพร้อมเพียงกัน ดังกล่าว
ที่มา ข่าวสด