แผลเป็นคือ ร่องรอยที่เหลืออยู่จากการหายของแผล ซึ่งเป็นขบวนการซ่อมแซมที่สำคัญอย่างหนึ่งของร่างกายตามธรรมชาติ แผลเป็นเหล่านี้อาจเกิดจากอุบัติเหตุ โรคบางชนิด เช่น สิว อีสุกอีใส หรือแผลจากการผ่าตัด โดยธรรมชาติแล้วแผลที่มีขนาดใหญ่และใช้เวลานานในการหาย โอกาสที่จะเป็นแผลก็มีมากขึ้น โดยทั่วไปแล้วแผลเป็นจะเห็นชัดในระยะแรกและค่อย ๆ จางลง โดยใช้ระยะเวลานานเป็นเดือนหรือปี ซึ่งการที่แผลเป็นจะเห็นได้ชัดหรือไม่ก็อาจขึ้นอยู่กับสีผิว ความเรียบ ความลึก ความยาว และความกว้างของแผลเป็นนั้น ๆ ในคนที่อายุน้อยการซ่อมแซมมักจะดีกว่า ทำให้แผลเป็นที่เกิดขึ้นชัดเจนกว่าแผลเป็นในคนอายุมาก
1. การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าที่แผลเป็น เพื่อให้แผลเป็นยุบลง โดยจะต้องฉีดหลายครั้ง ครั้งละประมาณ 0.5 1 cc ห่างกันประมาณเดือนละ 1 ครั้ง จนกว่าแผลจะแบนราบ ซึ่งใช้เวลาไม่เท่ากันในแต่ละแผลเป็น ถ้าแผลเป็นมีขนาดใหญ่ก็ต้องใช้เวลา เพื่อกำจัดริ้วรอยแผลเป็น ดังนั้นต้องอดทน
2. การผ่าตัด และการฉายแสง ซึ่งวิธีนี้จะเหมาะกับแผลที่มีความกว้างไม่มากนักพอเย็บได้
3. การขัดหน้า เทคนิคนี้ใช้ได้ผลดีกับแผลเป็นจากสิว แผลเป็นจากอีสุกอีใส แผลเป็นจากรอยผ่าตัด กระชนิดลึก และรอยเหี่ยวย่น แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงจากการ ขัดหน้าคือ บริเวณที่ทำอาจดำและแดงได้เล็กน้อย ส่วนใหญ่จะหายไปภายใน 3 เดือน ผู้ได้รับการรักษาต้องพยายามเลี่ยงแสงแดดเป็นเวลา 3-6 เดือน
4. การฉีดคอลลาเจน เหมาะสำหรับแผลเป็นที่มานานและรักษาโดยวิธีอื่นแล้วไม่ค่อยได้ผลข้างเคียง คือผู้ป่วยอาจแพ้ได้ และผู้ป่วยต้องมาฉีดทุก 6-12 เดือน เนื่องจากคอลลาเจนที่ฉีดเข้าไปจะสลายได้
5. การปิดด้วยแผ่นซิลิโคนเจลแผ่น (Silicone gel sheet) สำหรับปิดที่แผลเป็นแบบปูดนูนมีข้อดี คือ ไม่ต้องการการดูแลอะไรมากมายและไม่เจ็บอะไร แต่ผลยังไม่แน่นอนนัก แต่ข้อเสีย คือ ราคาแพง และในบางตำแหน่งก็ใช้ค่อนข้างยาก เช่น ที่ใบหน้า เป็นต้น
6. เจลลดรอยแผลเป็น ซึ่งมีส่วนประกอบสำคัญจากสมุนไพรธรรมชาติ มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการสร้างคอลลาเจนที่มากผิดปกติจนทำให้เกิดรอยแผลเป็น นูน รวมทั้งยังลดการอักเสบการบวมแดงของเนื้อเยื่อแผลเป็นช่วยให้แผลเป็นนุ่มแล้ว เรียบขึ้น
Credit :www.thaiza.com