ฝังเข็มหน้าใสได้จริงหรือ
ร่วม ด้วย เช่น ฝ้า กระ สิว แผลเป็นจากสิว อุบัติเหตุ แผลเป็นที่หน้า ปาน จุดด่างดำ หนังตาตก ร่องจมูกลึก ตีนกา เป็นต้น ทำให้ตำแหน่งการฝังเข็มทั้งสองกลุ่มไม่เหมือนกัน เข็มที่ใช้ฝังเฉพาะบนใบหน้ากลุ่มแรกจะใช้ปริมาณเข็มน้อยกว่ากลุ่มหลัง ซึ่งหลักการฝังเข็มจะมีจุดหลักของการฝังเข็ม ทิศทางของกล้ามเนื้อบนใบหน้า แต่ถ้ามีโรคอื่นร่วมด้วยจุดเหล่านี้จะเปลี่ยนไปได้ ต้องอาศัยความชำนาญ ประสบการณ์มากในการวางแผนรักษาหน้าใสด้วยวิธีการฝังเข็มของแต่ละคน สำหรับระยะเวลาในการฝังเข็มจะต้อง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ (ถ้า 2 ครั้ง ห่างกัน 3-4 วัน) คอร์สหนึ่ง 10 ครั้ง ส่วนมากแล้วจะเห็นผลชัดเจนครั้งที่ 5 ไปแล้ว เวลาที่แพทย์ฝังเข็มที่ใบหน้า ใบหน้าจะมีการตอบสนองจาก จุดลมปราณของอวัยวะภายในมาที่ใบหน้า การตอบ-สนองของกล้ามเนื้อใบหน้า การกระตุ้นให้เลือดที่ใบหน้าไหลเวียนดีขึ้น และลดความร้อนชื้นของใบหน้าลง ที่สำคัญจะมีการกระตุ้น Collagen ที่บริเวณใบหน้ามากขึ้น ทำให้หน้าใสและตึงกระชับมากขึ้น
ข้อดีของการฝังเข็มหน้าใส จะ ทำให้หน้าดูสดใสแวววาวเปล่งปลั่งมากขึ้น ลบรอยเหี่ยวย่น ตีนกา ถุงใต้ตา รอบตาดำคล้ำ หน้ามัน สิวหาย ฝ้าจางลง รอยแผลเป็นตื้นขึ้น ส่วนข้อเสียคือเวลาแทงเข็มจะปวด บางครั้งจะมีรอยช้ำเขียวตามมาภายหลัง แต่จะหายไปได้เอง ภายใน 2 สัปดาห์
สำหรับผู้ที่มาใช้บริการเรื่องฝังเข็มหน้าใสไม่ควรจะได้รับการรักษาด้วยวิธีอื่นมาก่อน เช่น การทำเลเซอร์ใบหน้า ศัลยกรรมใบหน้า การฉีดโบทูสินัม ท็อกชิน การฉีดฟิลเลอร์ การฉีดซิลิโคน เพราะจะทำให้ผลการรักษาไม่ได้ผล ถ้าทำมาแล้วควรมาหลัง 3-6 เดือน ยกเว้นการฉีดซิลิโคนจะไม่สามารถฝังเข็มได้อีก ผู้มารักษาใบหน้าไม่ควรแต่งหน้ามากเกินไป จะทำให้การฝังเข็มยากขึ้น ที่สำคัญหากมีการใช้ยาหรือโรคประจำตัวควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เช่น กินยา Aspirin เคยมีรอยแผลเป็น (Keloid) เป็นต้น
ขอบคุณที่มา นิตยสาร APPEAL ,kapook.com
โดย รศ.นพ.วิชัย สุภนรานนท์