ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์

พยาบาลหญิงชาวสหราชอาณาจักร ผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลาขณะทำงานเป็นการอาสาสมัครในเซียร์ราลีโอน และได้รับการรักษาจนหายดีเมื่อเดือนม.ค. ล้มป่วยเพราะไวรัสตัวนี้อีกครั้งและมีอาการสาหัส…

EyWwB5WU57MYnKOuXocemZrR3iJ71dBK7fO43A2vC8yUhwnNT292mp

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า น.ส.พอลีน คาฟเฟอร์คีย์ อายุ 39 ปี พยาบาลผู้เคยเป็นอาสาสมัครเข้าไปดูแลผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอีโบลาในประเทศเซียร์ราลีโอน เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในเมืองกลาสโก ในสกอตแลนด์เมื่อวันอังคาร (6 ต.ค.) เนื่องจากรู้สึกไม่สบาย ก่อนที่ในวันศุกร์ (9 ต.ค.)เธอจะถูกส่งตัวทางอากาศไปยังโรงพยาบาล ‘รอยัล ฟรี’ ในกรุงลอนดอนซึ่งมีแผนกแยกเดี่ยวสำหรับผู้ป่วยอีโบลาโดยเฉพาะ

โรงพยาบาล รอยัล ฟรี ระบุในแถลงการณ์ว่า น.ส.คาฟเฟอร์คีย์ถูกนำตัวมาส่งยังกรุงลอนดอนเมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ด้วยเครื่องบินของกองทัพ เพราะเกิดอาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นล่าช้าผิดปกติจากการติดเชื้อไวรัสอีโบลาก่อนหน้านี้ โดยตอนนี้เธอกำลังรับการรักษาที่แผนกแยกเดี่ยวโดยอาการอยู่ในขั้นสาหัส

ด้านคณะกรรมการสุขภาพ เกรเตอร์ กลาสโก ยืนยันว่า ตรวจพบส่วนที่หลงเหลือจากเชื้อไวรัสอีโบลาในเลือดของน.ส.คาฟเฟอร์คีย์ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะแพร่กระจายได้โดยง่าย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สาธารณะสุขสกอตแลนด์ได้เริ่มติดตามผู้ที่ติดต่อใกล้ชิดกับนางคาฟเฟอร์คีย์แล้ว เพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน

ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะมีการพบเชื้ออีโบลาในลูกตาผู้ป่วยที่ปลอดเชื้อในกระแสเลือดและปัสสาวะแล้ว และมีพบว่ามีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นตามมาด้วย แต่ ดร. นาตาลี แมคเดอร์มอตต์ นักวิจัยจากวิทยาลัย ‘อิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน’ ระบุว่า พบผู้ป่วยจากกรณีเช่นนี้ที่ได้รับการยืนยันแล้วเพียงกรณีเดียวคือ ดร. เอียน โครซิเยร์ แพทย์ชาวอเมริกันผู้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอโมรี ในนครแอตแลนตา

อนึ่ง การระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในแอฟริกาตะวันตกนับตั้งแต่เริ่มพบการแพร่กระจายของเชื้อเมื่อเดือนธ.ค. 2013 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11,312 ราย จากผู้ติดเชื้อทั้งหมด 28,457 คน ผู้ป่วยและเสียชีวิตเกือบทั้งหมดอยู่ในประเทศกินี, ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน

เรื่องน่าสนใจ