“พอลลีน งามพริ้ง” หรือที่รู้จักกันในวงการฟุตบอลว่า “พินิจ งามพริ้ง” เปิดใจครั้งแรกหลังจากแปรสภาพเป็นสาวประเภทสองผ่านทางเฟสบุ๊คไลฟ์ของ วู้ดดี้ พิธีกรชื่อดัง ยอมรับว่ารู้ตัวเป็นหญิงตั้งแต่เกิด เก็บข้างในมาโดยตลอดจนระเบิดเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว…
หลังจากกลายเป็นประเด็นโด่งดังทั่วโลกโซเชียลมาอยู่พักใหญ่ๆสำหรับ พอลลีน งามพริ้ง หรือชื่อเดิม พินิจ งามพริ้ง อดีตแกนนำกลุ่ม “เชียร์ไทย เพาเวอร์” และเคยเป็นอดีตผู้ท้าชิงนายกสมาคมฟุตบอลไทยฯเมื่อปี 2556 ค้นพบตัวตนแปรสภาพกลายเป็นสาวประเภทสองไปใช้ชีวิตที่เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐ
ล่าสุดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาของวันที่ 12 ก.ค. “พอลลีน งามพริ้ง” ได้เปิดใจครั้งแรกหลังทุกคนทราบข่าวว่าตัวเขาแปรสภาพเป็นสาวประเภทสองผ่านทางไลฟ์สดเฟสบุ๊คของ “วูดดี้” วุฒิธร มิลินทจินดา พิธีกรชื่อดังของประเทศไทย ถึงสาเหตุความเป็นมาต้นเหตุแรกเริ่มถึงความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ชาวไทยหลายคนถึงกับช็อก
โดยคุณ “พอลลีน” ให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้าพูดถึงความรู้สึกก็ตั้งแต่จำความได้ แต่เก็บอยู่ข้างในตลอด ที่หลายคนช็อกเพราะไม่เคยบอกใคร พยายามคิดว่ามันอยู่ได้ ที่ผ่านมาคิดว่ามันอยู่ได้ เราพยายามทำอย่างเต็มที่ แต่ว่าเมื่อสี่ห้าปีที่แล้ว มันเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เหมือนกับภูเขาไฟที่มันอยู่ข้างใน ถูกกดทับมานาน จนกระทั่งวันนึง มันมีกระบวนการค่อยๆที่จะยอมรับตัวเองว่าเราเกิดมาพร้อมสิ่งนี้ เพราะที่ผ่านมาไม่ปฏิเสธตัวเองมาตลอด จึงไม่มีใครรู้ แต่มาถึงจุดที่เรายอมรับตัวเอง มีกระบวนการว่าเราจะทำไงดี ช่วงนั้นเป็นช่วงที่อึดอัดมาก และก็เริ่มที่จะเปลี่ยนเป็นพอลลีน เปลี่ยนแล้วก็เป็นแบบเดิมไม่รู้กี่สิบรอบ”
เริ่มชอบบอลตั้งแต่เมื่อไหร่
“เริ่มชอบบอลมาตั้งแต่ 10 ขวบ 11 ขวบ ตอนแรกชอบมวย เพราะคุณพ่อเป็นนักมวยแล้วเขาก็ให้เราฝึกมวยอยากให้เป็นนักมวยอาชีพ แต่ท่านก็ไม่อยากให้เราเจ็บตัว ส่วนการชอบฟุตบอลเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวเองว่าเราเป็นผู้ชายได้ดี และก็ฝังใจจนมาทำกองเชียร์
ตอนที่เป็นนักบอลตอนนั้น ใจเป็นพอลลีนหรือยัง
“ไม่ มันพยายามที่จะเป็นพินิจ จะบอกคุณวูดดี้ว่าตลอดที่ผ่านมาจะเป็นพอลลีนตอนก่อนนอนและตอนหลับ ส่วนตอนเช้ากับก่อนนอนตื่นมามันจะมีความรู้สึกว่าเป็นพอลลีน ก็เหมือนเวลาที่ปลอดคนภายนอกและมาอยู่กับตัวเอง ความเป็นพอลลีนมันจะขึ้นมา เราไปทำอะไรมาตอนนั้นเราจะทำในฐานะพอลลีน โดยเฉพาะตอนฝัน ตอนนั้น ฝันเป็นผู้หญฺิง ฝันเป็นพอลลีน แต่ตอนตื่นก็พยายามจะลืม”
ตอนกลางวันเจอเพื่อนฝูงรู้ไหมว่าเราเป็นอะไร
“ไม่รู้ เราก็พยายามกลมกลืนไปกับสังคม ทำตามความคาดหวังของเขา เขาบอกว่าเราเป็นผู้ชายตั้งแต่เกิดมาจนจำความได้ เราก็ทำตามนั้นมาตลอด และเราก็ไม่เคยคิดไปแย้งสังคมหรือแย้งคนอื่นให้ไม่สบายใจ”
ตอนที่คุณพอลลีนมีครอบครัวเป็นยังไง
“ปกติ ผ่านมาได้ คิดว่าในฐานะนั้นทำได้ดี พยายามทำ ณ ฐานะนั้นได้ดีแต่คิดว่าจุดเปลี่ยนมันต้องมีเพราะว่ามันกดทับมานานและมันก็ถึงจุดที่ต้องออกมา”
เปลี่ยนแปลงมาแต่งตัวหญิงเมื่อไหร่
“ก่อนหน้านี้เริ่มลองแต่งผู้หญฺิงมาสักพักนึง แต่งแล้วก็รู้สึกผิดแล้วก็ถอดออก อยู่คนเดียวแต่งแล้วก็ถอดออก ประมาณ 4-5 ปีมาแล้ว ตอนซื้อวิกมันรู้สึกเขินนะแต่มันก็ต้องทำ เพราะว่าบางครั้งมันเหมือนจิตใจที่มันเรียกร้อง ก็ไปซื้อคือบางทีก็บอกไปซื้อให้คนอื่น หรือบางทีก็ไม่จำเป็นที่ต้องไปบอกเค้า ก็แค่ไปยืนดูและไปชี้เอา”
วันที่ตัดสินใจเป็นผู้หญฺิงร้อยเปอร์เซนต์ วันนั้นคิดอะไร
“มันไม่ใช่วันนั้น มันเป็นทั้งปีและหลายปี คิดมาตลอด ก็คิดว่าเหลือเวลาอีกไม่นานนักที่เราจะมีชีวิตอยู่ และเราก็ได้ทำทุกอย่าง ได้เรียกว่าได้ดีกว่าผู้ชายหลายคนมาแล้วทั้งให้สังคมและต่อคนรอบข้าง ก็ถึงเวลาที่เราน่าจะมีเวลาของเราบ้าง นั่นแหละมันไม่ใช่วันนึง มันผ่านกระบวนการคิดมา สุดท้ายก็คือเราต้องทำแล้ว ไม่งั้นเราจะอยู่ได้ยากเต็มที”
สุดท้าย คุณพอลลีนทิ้งท้ายว่า “ขอบคุณคนที่เข้าใจ และให้กำลังใจค่อนข้างเยอะ สำหรับพอลลีนครั้งนี้ได้รับกำลังใจเยอะที่สุด และแน่นอนความเห็นที่ไม่ดีก็ได้สำผัสและก็หยั่งเข้าไปข้างในของเขาดูบ้าง และก็ต้องขออภัยที่ทำให้ทุกคนสบายใจทั้งหมดไม่ได้ แต่ว่า ณ วันนี้ การเป็นพอลลีน ก็ยังเป็นคนเดิม มีคุณภาพเรียกว่าเป็นคนที่มีความคิดเหมือนเดิม และมุ่งเน้นการกระทำที่ทำให้ทุกคนแฮปปี้เหมือนเดิม”