เนื้อหาโดย : โดดเด่นดอทคอม

ฟักทอง ผักสารพัดประโยชน์อีกชนิดที่สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย ทั้งของคาว ของหวาน ในขณะที่ใบยอดอ่อนนั้น ก็สามารถนำมาเป็นกับข้าวได้หลายชนิด ฟักทองเป็นพืชผักสวนครัวอีกประเภทหนึ่งที่ปลูกง่าย ปลูกได้ทุกฤดูกาล ทุกภาวะอากาศ โตเร็วและได้ผลผลิตมาก วันนี้โดดเด่นจะพามารู้จักเกี่ยวกับประโยชน์ของฟักทองกัน

pumpkin risotto

ฟักทองมีสารอาหารบำรุงร่างกายมากมาย ที่สำคัญได้แก่ วิตามินบี วิตามินเอ วิตามินซี และธาตุฟอสฟอรัส ซึ่งปัจจุบันวงการแพทย์ ให้ความสนใจสารเบต้าแคโรทีน ที่มีอยู่ในเนื้อสีเหลืองของฟักทอง ที่มีส่วนช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งได้ หากกินฟักทองทั้งเปลือกจะได้ฤทธิ์ทางยา สามารถกระตุ้นการหลั่งอินซูลินซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาล ในเส้นเลือด ป้องกันการเกิดเบาหวาน ความดันโลหิต

นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงตับ ไต นัยน์ตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่ตายไป เมล็ดฟักทองมีแร่ธาตุฟอสฟอรัส สังกะสีสูง สามารถป้องกันการเกิดนิ่ว และใช้เป็นยาถ่ายพยาธิตัวตืด นอกจากนี้ฟักทองยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณมีน้ำมีนวล เหมาะสำหรับหลังคลอดบุตร ที่ขาดธาตุฟอสฟอรัส และเสี่ยงกับการเกิดหน้าท้องลาย

สารอาหาร แร่ธาตุ วิตามิน ในฟักทอง

  • เบต้าแคโรทีน
  • ฟอสฟอรัส
  • แคลเซียม
  • คิวเคอร์บิติน
  • วิตามินเอ
  • วิตามินบี1
  • วิตามินบี2
  • วิตามินบี3
  • วิตามินบี5
  • วิตามินบี6
  • วิตามินซี
  • วิตามินอี

Healthy yellow pumpkin smoothie

ประโยชน์ของฟักทอง

  1. เหมาะกำบคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก – ฟักทองนั้นเป็นพืชที่ให้พลังงานต่ำ จากการวิจัยเทียบกับพืชชนิดอื่นถือว่าฟักทองให้พลังงานต่ำ มีไขมันน้อย จึงเหมาะแก่คนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก แต่จะต้องควบคุมปริมาณน้ำตาลและครีมที่เติมเข้าไปด้วย นอกจากนี้ฟักทองยังมีกากใยสูงสามรถช่วยระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี
  2. ป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจ – เนื้อฟักทอง มีวิตามินเอสูง รวมทั้งฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี แป้ง และที่จะลืมไปไม่ได้เลยก็คือ “เบต้าแคโรทีน” ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในเนื้อสีเหลืองของฟักทอง สามารถช่วยลดการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจได้ แถมเบต้าแคโรทีน ยังช่วยต้านความชรา ป้องกันโรคผิวหนัง บรรเทาอาการปวดเมื่อยของข้อเข่า และบั้นเอวได้เป็นอย่างดี
  3. บรรเทาอาการปวดท้องเนื่องจากแผบในกระเพาะ – คาร์โบไฮเดรตในฟักทอง ช่วยรักษาและบรรเทาอาการแผลในกระเพาะอาหาร และลำไส้ในส่วนบนได้ด้วย สำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะทานสามารถนำฟักทองนึ่งแล้วทาน จะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องให้เบาบางแบบไม่ต้องพึ่งยาเลยทีเดียว
  4. บรรเทาอาการหอบหืด – มีการการวิจัยรายงานว่าฟักทองสามารถช่วยบรรเทาอาการหอบหืดที่เกิดจากหลอดลมอักเสบในผู้สูงอายุได้
  5. เปลือกฟักทอง ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด – การรับประทานฟักทองทั้งเปลือกจะสามรถกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ซึ่งสารตัวนี้เป็นสารที่ควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย หากขาดสารตัวนี้ หรือการหลั่งอินซูลินผิดปรกติ จะทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ นอกจากนี้การรับประทานทั้งเปลือกยัง สามรถควบคุมความดันโลหิต บำรุงตับ บำรุงไต บำรุงดวงตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพได้อีกด้วย
  6. ชะลอความแก่ – ในฟักทองมีคอลลาเจนตามธรรมชาติ จึงช่วยเสริมสร้าง คอลาเจนใต้ผิวหนังช่วยทำให้ผิวพรรณผ่องใส
  7. สตรีหลังคลอดบุตรหากทางฟักทอง ซึ่งตามตำราสมุนไพรไทยเขาเรียก “มีฤทธิ์อุ่น” จะช่วยย่อยอาหารทำให้กระเพาะอุ่น บำรุงกำลังและลดการอักเสบแก้ปวดได้ดีมากๆ

การเลือกฟักทองควรเลือกพันธ์ที่มีรสหวาน เนื้อละเอียด จะมีสรรพคุณทางยามาก (เรื่องรสหวานเนื้อละเอียดถามคนขายดูได้ถ้าเขาไม่โกหก โดยส่วนใหญ่พันธ์ผสมจะเป็นที่นิยม) แต่ฟักทองก็มีผลเสียเช่นกัน หากทานฟักทองมากเกินไปจะทำให้ผิวเหลือง แน่นท้อง ผู้รู้เขาแนะนำว่าการใส่กระเทียมเจียวกับเต้าเจี๊ยวในผัดฟักทอง จะช่วยลดการแน่นท้องลงได้

ที่สำคัญ “ฟักทอง” มีฤทธิ์อุ่น ดังนั้นคนที่ “กระเพาะร้อน” คือมีอาการเช่นกระหายน้ำ ปากเหม็น หิวง่าย ปัสสาวะเหลือง ท้องผูก เป็นแผลในช่องปาก เหงือกบวม ไม่ควรทานฟักทองมากเกินไป เพราะอาจกระตุ้นให้ร่างกายร้อนขึ้นได้นั่นเอง หรือแม้แต่ในคนปกติ การทานฟักทองมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ไม่สบายท้องได้เช่นกัน

ข้อมูลจาก : lovefitt, ไทยสมุนไพร, leadershiphabit

เรื่องน่าสนใจ