ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณีพิพาทของ มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ผู้กำกับชื่อดัง และเกล้า น้ำพราว ผู้จัดการของใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ และ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ที่มีโอกาสร่วมงานกันในซีรี่ส์เรื่อง ‘Slam dance ทุ่มฝันสนั่นฟลอร์’ ทางช่องวัน
ซึ่งใบเฟิร์นเป็นนางเอก ส่วนมะเดี่ยวเป็นโปรดิวเซอร์ แล้วเกิดมีปัญหากันในวันฟิตติ้งเสื้อผ้าเพราะใบเฟิร์นกลับก่อนทั้งที่ยังเหลือถ่ายภาพนิ่งอีกชุดหนึ่ง
มะเดี่ยวจึงโพสต์ข้อความต่อว่าลงในเฟสบุ๊ค โดยไม่ระบุชื่อ ซึ่งเกล้า น้ำพราว ก็ได้ชี้แจงในอินสตาแกรมส่วนตัวว่า เนื่องจากระบุเวลาทำงานไว้ 11.00 -19.00 น. แต่ขณะนั้นเป็นเวลา 19.15 น. แล้วจึงต้องกลับตามที่ตกลงกันไว้
ล่าสุดเมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 21 พฤศจิกายน มะเดี่ยว ชูเกียรติก็ได้มาร่วมงานเปิดตัวรอบสื่อมวลชนของภาพยนตร์เรื่อง 20 ใหม่ ยูเทิร์นวัย หัวใจรีเทิร์น ที่พารากอนซีนีเพล็กซ์ ชั้น 5 สยามพารากอน ท่ามกลางสายตาจับจ้องของสื่อมวลชน เนื่องจากภาพยนตร์จากค่ายซีเจ เมเจอร์ เรื่องนี้ ใหม่ ดาวิกา เป็นนางเอก จึงคาดว่าเกล้า น้ำพราว จะมาร่วมงานด้วย
โดยเมื่อมาถึง มะเดี่ยวก็ให้สัมภาษณ์ว่า ซีรี่ส์เรื่อง ‘Slam dance ทุ่มฝันสนั่นฟลอร์’ ตนเป็นเจ้าของโปรเจ็กต์และลิขสิทธิ์บทประพันธ์ ทางจีเอ็มเอ็ม ทีวี เป็นผู้จัด และทางช่องวันเป็นผู้ผลิต ทั้งสามฝ่ายได้หารือกันเรื่องเลือกนักแสดง
ตนมีหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ดูแลภาพรวม ซึ่งหลังเกิดเรื่องก็ยังไม่ได้คุยกับอีกฝ่าย เพราะไม่ใช่หน้าที่ของตน ส่วนที่ตัดสินใจโพสต์ข้อความ เนื่องจากปัญหาบางปัญหาอาจทำให้เรื่องไม่จบ ถ้าจัดการ ณ ขณะนั้น และยังต้องทำงานด้วยกันต่ออีกหลายเดือน
รวมทั้งสิ่งที่พูดคือตั้งใจให้วงการบันเทิง และสาธารณะได้ยิน ยืนยันว่าไม่ใช่การพูดลับหลังแต่อย่างใด โดยก่อนโพสต์ก็ได้คุยกับผู้ใหญ่แล้ว ทางผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะนับถือในสิทธิของตน
“ในการทำงานระหว่างเรากับผู้ใหญ่ทุกคนเราถือว่าให้เกียรติกัน ไม่ใช่ว่าผู้ใหญ่ไม่เคยโดนแต่เขาไม่พูด แต่เราควรจะพูด เพราะพูดถึงเรื่องทำงานมันต้องมีใครออกมาพูด เราอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ว่าวงการละคร โฆษณา อีเว้นท์ หนัง
ทำไมผู้จัดการดาราถึงมีอิทธิพลมากขนาดนี้ ทำไมทุกคนถึงกลัว เธอกลัวอะไรกันเหรอ เราควรมาทำงานด้วยการให้เกียรติกัน ไม่ใช่ด้วยการกลัวว่าใครสักคนจะลุกขึ้นวีน แล้วไปด่ากราดทีมงานอะไรใคร ไม่ควรเป็นแบบนั้น” มะเดี่ยวกล่าว
หลังจากพูดคุยกับผู้ใหญ่บวกลบคูณหารกันแล้วจะยังคงให้โอกาสนางเอกคนนี้ต่อไป เพราะอาจไม่ใช่ความผิดของตัวนักแสดงที่ไม่ได้รับรู้อะไร หากปลดด้วยสิ่งที่คนอื่นๆ ทำก็อาจจะไม่ยุติธรรมกับนักแสดง
ส่วนการร่วมงานต่อไปยืนยันว่าสามารถทำได้ เพราะแม้ตนจะอารมณ์ร้อน แต่ก็มองงานเป็นศูนย์กลาง ที่เหลือก็แล้วแต่ทางนักแสดงและผู้จัดการว่าจะพิจารณากันอย่างไร
“( ร่วมงานกันได้เหรอ ? ) ได้ เราทำละคร ทำงานให้มันเสร็จ เราทำงานอยู่ในกองก็ทำงานให้มันจบ พอได้ละครทุกคนก็มีความสุข
( ถ้ามีติดต่อกับผู้จัดการ ? ) ก็ให้ทีมงานคุยไป เราว่าเดี๋ยวต้องมีการเคลียร์ อย่างไรก็ตามต้องมีการคุยกับทางผู้จัด ในฐานะเราเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ เป็นโปรดิวเซอร์ มีหลักประกันอะไรไหมที่จะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายแฮปปี้ เราก็ยอม เรื่องนี้ใช้สกิลเยอะ ต้องซ้อม เอางานเป็นหลัก จะไหวไหม ถ้าไหวก็ไหว” มะเดี่ยวกล่าว
ผู้กำกับดังยังบอกด้วยว่า สำหรับเรื่องเต้นได้ส่งคลิปวิดีโอไปให้ดูก่อนหน้า 1-2 วัน ซึ่งไม่ได้ซีเรียสว่าจะเต้นได้หรือไม่ได้แต่ต้องขอนิดนึง ส่วนเรื่องงานล่าช้ายอมรับว่าล่าช้าจริง แต่การทำงาน ข้อดีของการมาตรงเวลาและกลับตรงเวลาอย่างเดียวไม่พอ
เพราะต้องดูในบริบทด้วยว่าใช้เวลาช่วงทำงานไปกับอื่นๆ เท่าไหร่ ซึ่งตนไม่อยากพูดรายละเอียด เนื่องจากจะเป็นการว่าร้าย แต่ยืนยันว่าทุกคนทำงานเต็มที่ ไม่ได้อยู่เฉยๆ ทว่าอย่างไรทุกอย่างก็ต้องช่วยกัน เพราะสุดท้ายคนที่ได้รับผลไปคือตัวของนักแสดงเอง ทั้งนี้ยืนยันว่านี่ไม่ใช่การสร้างกระแสโปรโมทละครแน่นอน
“อยู่เฉยๆ เราก็ดังอยู่แล้ว แล้วละครเข้าเม.ย. จะมาโปรโมททำไมตอนนี้ กว่าจะถึงตอนนั้นเขาก็ลืมหมดแล้ว เราอยู่บ้านเฉยๆ ก็มีความสุข ไม่ชอบมีดราม่า” มะเดี่ยวกล่าวทิ้งท้าย