“ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” นี่คือคำพูดที่คุณอิสยากรณ์ มังกรนพรัตน์ หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อ “มาดามเปรียว” ได้บอกเล่าเรื่องราวชีวิตส่วนตัวของเธอให้เราฟัง ซึ่งเชื่อว่าเรื่องราวของเธอคงเป็นแรงผลักดันให้กับใครหลายๆ คนที่ท้อแท้ในชีวิตได้เป็นอย่างดี เพราะกว่าเธอจะมาเป็นนักธุรกิจสาวร้อยล้านในทุกวันนี้ ชีวิตเธอยิ่งกว่าละคร และเธอก็ต่อสู้ฟันฝ่ามันมาด้วยลำแข้งของเธอเอง!!
มาดามเปรียว อิสยากรณ์ มังกรนพรัตน์ ในปัจจุบัน
หลายๆ คนอาจจะคิดว่า เป็นนักธุรกิจร้อยล้านในทุกวันนี้ ชีวิตในอดีตของ มาดามเปรียว คงเกิดมาบนกองเงินกองทอง หรือครอบครัวที่เพียบพร้อม หรูหรา ไฮโซ ถึงได้มีเงินทำธุรกิจที่เติบโตเป็นหลักร้อยล้านแบบนี้ แต่ขอบอกเลยว่าพวกคุณคิดผิด ถ้าคุณได้รับรู้เรื่องราวในอดีตของมาดามเปรียวแล้ว พวกคุณจะต้องทึ่งในความสามารถ และการต่อสู้ชีวิตของเธอ ที่เกิดมาพร้อมกับคำดูถูกว่า “ก็แค่ลูกคนเก็บขยะ”
มาดามเปรียว ในสมัยอดีต
ชีวิตในอดีตของมาดามเปรียวไม่ได้สวยหรูเหมือนที่ใครหลายคนคิด เธอเกิดมาในครอบครัวที่ค่อนข้างยากจน คุณพ่อมีอาชีพเก็บขยะขาย ซ้ำคุณพ่อของเธอยังพิการแขน แต่ก็ยังสู้ชีวิตเพื่อหาเลี้ยงดูเธอ ทำให้เธอต้องทำงานช่วยเหลือคุณพ่อเธอในการเก็บขยะขายไปวันๆ และคิดอยู่เสมอว่าอยากจะเลี้ยงดูพ่อให้สบายกว่านี้ ไม่ให้พ่อต้องเหนื่อยยากลำบากในการทำงานเก็บขยะ อีกทั้งมาดามเปรียวก็ไม่ค่อยมีใครคบ เพื่อนฝูงก็ไม่ค่อยมี เพียงเพราะหลายคนรังเกียจ และดูถูกเธอเพราะเธอเป็นแค่ลูกคนเก็บขยะ
“ถึงคุณพ่อของเปรียวจะพิการทั้งแขนและขา แต่ท่านก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้กับครอบครัวเราเห็นเลย ว่าท่านท้อแท้ ท่านพยายามทำให้เราเห็นเสมอว่า ร่างกายที่พิการ ไม่ครบเหมือนคนอื่นเขา ไม่ใช่อุปสรรค หรือจุดด้อยในการใช้ชีวิตเลย เขากับทำทุกอย่างออกมาดีได้ด้วยซ้ำ” มาดามเปรียวบอกกับเราถึงคุณพ่อของเธอ
คุณพ่อที่พิการแขนหนึ่งข้าง-พิการขาหนึ่งข้าง และคุณแม่พี่ชายของมาดามเปรียว
และนอกจากคุณพ่อและคุณแม่ที่คอยดูแลมาดามเปรียวมาตั้งแต่เด็กแล้วนั้น อีกหนึ่งคนที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จของเธอที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ “คุณแม่ทูนหัว” หรือคุณป้าของเธอนั่นเอง มาดามเปรียวเล่าว่า เพราะคุณป้าคอยดูแล อบรมสั่งสอนเธอมาโดยอย่างดีตลอด อีกทั้งยังคอยดู หาเลี้ยงเรา ให้เรามีชีวิตที่สุขสบายขึ้น ไม่ลำบากมากไปกว่าเดิม ทำให้เธอคอยระลึกถึงคุณแม่ทูนหัวของเธอเสมอว่า ถ้าขาดเขาไป เธอคงอาจจะไม่ได้มายืนถึงจุดๆ นี้
นอกจากนั้นเธอยังบอกกับเราอีกว่า “เธอมาอยู่จุดนี้ได้ เธอต้องขอขอบคุณ คุณพ่อ บุคคลที่เป็นวีรบุรุษ และทรงอิทธิพลในใจของเธอ คุณแม่และคุณป้า ที่คอยดูแล สั่งสอนเรา จนทำให้เราสามารถมายืนอยู่ในจุดๆ นี้ มาเป็นมาดามเปรียว ที่มีธุรกิจเป็นของตัวเองได้”
คุณป้า หรือแม่ทูนหัวของมาดามเปรียว
“เปรียวไม่เคยโทษโชคชะตาที่ทำให้เราเกิดมาเป็นแบบนี้ ไม่เคยโกรธใครที่รังเกียจเปรียวที่เป็นแค่เด็กเก็บขยะ เพราะเปรียวคิดมาตลอดว่า อาชีพที่ครอบครัวเปรียวทำ คืออาชีพที่สุจริต เราภูมิใจและไม่เคยอายที่จะบอกใครต่อใครว่า เราเคยเป็นเด็กเก็บขยะมาก่อน เปรียวมีความสุขกับตรงนี้ค่ะ” นี่คือสิ่งที่มาดามเปรียวที่ขณะนี้วัย 32 ปี พูดให้เราฟังอย่างภูมิใจ
เมื่อเราถามว่าเพราะอะไรมาดามเปรียวถึงมีแรงบันดาลใจในการสู้ชีวิต เปลี่ยนแปลงตัวเองจากอดีตเด็กเก็บขยะมาสู้นักธุรกิจสาวร้อยล้านได้ขนาดนี้เธอก็ตอบกับเราว่า “การที่เปรียวเคยโดนดูถูกค่ะ สายตาผู้คนที่มองเรา ไม่ต่างกับเศษขยะที่พวกเขาทิ้งเลย เราดูสกปรกในสายตาคนอื่น เปรียวจำได้ขึ้นใจเลย มันเลยเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เราอยากทำให้ทุกๆ คนที่เคยรังเกียจเรารู้ว่า เรามีความสามารถ และมีคุณค่าในตัวเราเอง ยอมรับค่ะ ว่าความจนสำหรับเปรียวมันน่ากลัวมาก เชื่อว่าหลายคนก็กลัว มันเลยทำให้เปรียวคิดมาเสมอว่า โชคะตาจะต้องเข้าข้างคนขยันทำมาหากิน และทำทุกอย่างด้วยความสุจริต มันจะต้องดีขึ้น เปรียวเชื่ออย่างนั้นมาตลอดค่ะ”
มาดามเปรียวในสมัยอดีต
ทุกวันนี้มาดามเปรียว เป็นนักธุรกิจสาวร้อยล้านในวัยเพียง 32 ปี มีลูกแล้วถึง 5 คน แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เรียกได้ว่าสวยเป๊ะ เพอร์เฟกท์มากจริงๆ เพราะเธอเป็นสาวที่ดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ แม้จะเป็นแค่เด็กเก็บขยะ แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่รักสวยรักงาม และในปัจจุบัน ทำให้เธอเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ หลายคน แต่ก็ต้องขอบอกว่าได้แต่หมายปองนะคะ เพราะปัจจุบันเธอมีสามีที่หล่อขั้นเทพแถมยังรักกันหวานชื่อโรแมนติกแบบสุดๆ แถมยังมีสาวๆ อีกไม่น้อยที่อิจฉาในความสวยของเธอ เพราะเธอทั้งหน้าตา-รูปร่างดี และยังมีธุรกิจที่มั่นคง ทำให้หลายๆ คน แอบมาสอบถามเคล็ดลับความงาม และการใช้ชีวิตของเธอกันไม่ขาดสาย ว่าเพราะอะไร เธอถึงได้เพอร์เฟกท์ได้ขนาดนี้!
มาดามเปรียวกับสามี
มาดามเปรียวในปัจจุบัน
ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ และไม่อายในอาชีพและอดีตของตนเองที่เคยเป็นเด็กเก็บขยะ ทำให้ทุกวันนี้มาดามเปรียวกลายเป็นนักธุรกิจร้อยล้าน ด้วยการเปลี่ยนแปลงขยะที่ไม่มีมูลค่า ให้กลายเป็นเม็ดเงินสะพัดมหาศาล เพราะเธอเปิดโรงงานคัดแยกขยะทำรีไซเคิลส่งออกไปยังต่างประเทศ อีกทั้งธุรกิจของเธอยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับสังคมไทยอีกด้วย
เท่านั้นยังไม่พอด้วยความที่เธอเป็นผู้หญิงที่สวย และหุ่นเป๊ะเวอร์วังอย่างนี้ ทำให้มาดามเปรียวตัดสินใจเดินหน้าธุรกิจใหม่อีกตัว ซึ่งเป็นการเปิดเผยเคล็ดลับความงามที่ออกจากภายในสู่ภายนอก ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ภายใต้บริษัท มาดาม เปรียว ซีเคร็ท (ไทยแลนด์) จำกัด และผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่มาดามเปรียวทำออกมานั่นก็คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “อะมาเรนต้า (Amarenta)” นั่นเอง
มาดามเปรียวในปัจจุบัน
“อะมาเรนต้า (Amarenta)” เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ตัวช่วยการดูแลหุ่นและรูปร่างของหนุ่มๆ สาวๆ ที่ใส่ใจดูแลสุขภาพนั่นเอง ต้องขอบอกก่อนเลยว่า อะมาเรนต้าไม่ใช่ยาลดน้ำหนักแต่อย่างใด แต่เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ช่วยควบคุมน้ำหนัก ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่มีผลข้างเคียง เพราะอะมาเรนต้า 1 แคปซูลนั้น ถูกอัดแน่นไปด้วยสารสกัดจากใยธรรมชาติถึง 10 ชนิด ที่จำเป็นต่อร่างกาย และที่ยิ่งไปกว่านั้น มาดามเปรียว ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ร่วมวิจัย และคิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ที่จะการันตีได้ว่า อะมาเรนต้า จะเป็นตัวช่วยให้คุณเป็นคุณคนใหม่ ที่มีรูปร่าง และสัดส่วนที่ดูดีเข้ารูป อีกทั้งไม่ทำลายสุขภาพอีกด้วยล่ะค่ะ
ผลิตภัณฑ์อะมาเรนต้า จากมาดามเปรียว ซีเคร็ท
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ในเครือมาดามเปรียว ซีเคร็ท นั่นก็คือ “Be Las Veir” ตัวช่วยในการดูแลผิวกาย ให้คุณผิวสวยสุขภาพดี มีออร่า ผิวนุ่มชุ่มชื้นขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผิวของคุณดูเนียนนุ่มขาวกระจ่างใสขึ้น เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่รวมคุณประโยชน์ของสารตั้งต้นสุดยอดของผิวสวย ไม่ว่าจะเป็นกลูต้า และคอลลาเจนไว้ในตัวเดียวกัน นอกจากนั้นยังอุดมไปด้วยส่วนผสมที่จะช่วยเรื่องผิวพรรณของคุณ ให้ดูกระจ่างใส อ่อนกว่าวัยไม่ว่าจะเป็น แอล-ซิสเทอีน, ไกลซีน, แคลเซียม แอสคอร์เบต และสารสกัดจากเมล็ดองุ่นอีกด้วย เชื่อได้ลยว่า Be Las Veir ตัวเดียว ผิวของคุณจะสวยขึ้นอย่างแน่นอน!
Be Las Veir ผลิตภัณฑ์จากมาดามเปรียว ซีเคร็ท
สุดท้ายนี้มาดามเปรียวยังฝากบอกอีกว่า ถ้าใครอยากจะพูดคุย ติดต่อสอบถาม ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดลับความสวยความงาม การดูแลตัวเอง หรืออยากพูดคุยกับเธอ ก็สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ เฟซบุ๊ค ” Itsayakorn Mangkronnoppharat ” กันได้เลยนะคะ มาดามเปรียวรออยู่ค่ะ!