ดูเหมือนเรื่องราวดราม่ากระเป๋าหรูของสาว มิน-พีชญา วัฒนามนตรี จะไม่จบลงง่ายๆ เสียแล้ว เพราะถึงแม้เจ้าตัวจะออกมาชี้แจงว่า ได้ทำตามกฎหมายทุกอย่าง และพร้อมจะจ่ายภาษีอย่างถูกต้องตอนที่นำกลับมาเมืองไทย โดยวางแผนจะไปนำกระเป๋ากลับมาในเร็วๆ นี้ แต่ก็ดูเหมือนจะยังเป็นเรื่องคาใจของหลานคน โดยบางคนก็ประกาศเลยว่าจะไม่สนับสนุนผลงานของนักแสดงสาวคนนี้เพราะตอบคำถามเรื่องดังกล่าวไม่ชัดเจน อีกทั้งนิสัยก็เปลี่ยนไป ล่าสุดได้เจอกับสาวมินในงานแถลงข่าว “เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู” ณ โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ ซึ่งเจ้าตัวตอบคำถามถึงเรื่องดังกล่าวว่า
“มินยันยันเรื่องนั้นเหมือนเดิม ก็รอแค่ไปเอาของแค่นั้น อย่าเพิ่งเร่งนะคะ หรือจ้างคนไปเอาก็ได้ แต่เรื่องนี้มันยังไม่มีคำตอบจริงๆ ให้เวลานิดนึงนะคะ มินเร่งอยู่ จริงๆก็มีการตรวจสอบไปแล้ว มินทำตามกฏหมายทุกอย่าง ชี้แจงไปหลายรอบแล้ว ว่ามินก็เดินออกปกติ ไม่มีช่องลึกลับอะไรทั้งสิ้น เดินออกมาปกติไม่ได้มีการตรวจใดๆ”
ส่วนเรื่องการไปนำกระเป๋ากลับมาจากสิงคโปร์นั้นมินว่าแม้จะสามารถทำโดยให้คนอื่นไปรับมาได้ แต่จริงๆควรไปนำกลับมาเอง “ควรไปเอาเอง เราไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เผื่อเขาเอากลับมา แล้วไม่มีการตรวจสอบ หรือไม่มีการเสียภาษีอีก มันก็จะกลายเป็น…มินก็ซื้อมาใช้ไม่ได้ซื้อมาขาย ไม่รู้ว่าฝากคนอื่นมันจะเข้ามาแบบไหน แต่ถ้าเราเอาเข้ามาเองมันจะชัดเจนและถูกต้อง”
สำหรับเสียงวิจารณ์ที่ว่าเปลี่ยนไป เพราะการตอบคำถามด้วยน้ำเสียงแข็งๆ ไม่น่าฟัง มินว่าไม่จริง อาจะเป้นเพราะช่วงนี้ป่วยเลยทำให้น้ำเสียงเปลี่ยน อย่่างไรก็ตามยอมรับว่าไม่สามารถทำตามทุกความเห็นที่มีต่อตนเองได้ เพราะที่ผ่านมาแต่ละความเห็นก็แตกต่างกันจนไม่รู้จะทำตัวอย่างไร และถ้าเปลี่ยนแปลงตามความเห็นคนอื่นไปเสียหมด ก็จะไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเองเลย
“มินว่ามินเหมือนเดิมนะคะ ถ้ามีอะไรที่ทำให้หลายคนไม่พอใจ ก็ขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วย มีอะไรก็บอกได้เตือนได้ มินถือว่าเราโตมากับวงการบันเทิงเราเติบโตขึ้นทุกปี มินมองว่าหลายๆคอมเม้นท์เราจะไปเปลี่ยนตามเขาไม่ได้ เพราะสุดท้ายมันจะไม่เหลือความเป็นตัวของเราเลย บางทีเลือกฟังคอมเม้นท์จากหลายๆที่มันเลยไม่รู้จะทำตัวยังไง ก็เลือกที่จะไม่อ่าน และเลือกที่มีความพอดีกับเราดีกว่า”
มินยังเล่าด้วยว่าล่าสุดเพิ่งเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเนื่องจากป่วยเป็นไวรัสลงคอ แต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนความสัมพันธ์กับเพื่อนชายคนสนิทนั้นตอนนี้ไม่ได้คุยกันมาสักพักแล้ว เนื่องจากฝ่ายชายต้องกลับไปเรียน ส่วนตนก็มีงานต้องทำ แต่ยังคงเป็นเพื่อนที่ให้เกียรติกันเหมือนเดิม “ระยะทางมันก็ห่างกันด้วย ก็เข้าใจเรื่องนี้ แล้วมีเรื่องของการทำงานเราด้วย” มินกล่าว