ขณะนี้ได้มีการแชร์กันในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก หลังมีพลเมืองดีบังเอิญพบ นางสม งามอยู่ หญิงชรา อายุ 82 ปีชาว ต.ทับทัน อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ได้ขึ้นรถไฟฟรี เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม จากกรณีที่ตัวเอง และลูกชายถูกโกงที่ดินใน อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เป็นจำนวนถึง 24 ไร่ ทั้งที่ในสถานะของ น.ส.3 ตามกฎหมาย ไม่สามารถขายโอน หรือย้ายกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้อื่นได้
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านสเรียง ม.2 ต.ทับทัน อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า นางสม งามอยู่ พักอาศัยอยู่บ้านชั้นเดียวกับลูกสาว และ จากการสอบถามเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงทราบว่า ยายสม และลูกชาย ยังเคยถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 1 ปี ข้อหาบุกรุกพื้นที่ซึ่งเป็นของตัวเองที่บรรพบุรุษให้เป็นสมบัติตกทอดกันมา
หลัง จากออกจากคุก ได้ต่อสู้ในเรื่องดังกล่าวนี้มาตั้งแต่ปี 2534 และภายหลังลูกชายได้ถูกทำร้ายและเสียชีวิต ทำให้ต้องต่อสู้กับคดีความนี้โดยลำพัง แม้บรรดาลูกๆ จะพยายามห้ามปรามเพราะเกรงจะล้มป่วยต่อการตรากตรำเดินทาง และคิดมากกับการต้องสู้ทวงคืนที่ดิน จำนวน 24 ไร่ เพื่อมอบเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายให้ลูกทั้ง 5 คน ก่อนสิ้นลมหายใจ
นาง สม งามอยู่ คุณยายยอดนักสู้ เรียนจบแค่ชั้น ป.4 เรียนอ่านหนังสือกฎหมายเอง กล่าวว่า ตนมีฐานะยากจนได้ยืมข้าวเปลือกจากคนข้างบ้าน จำนวน 192 ถัง ในปี พ.ศ.2515 และไปยืมข้าวเปลือกอีกจำนวน 48 ถัง กับเงินสด 5,000 บาท ในปี พ.ศ.2523 กับ นางพวน เจริญศรี แต่ต่อมา นางพวน ได้ยึดเข้าทำกินในที่นาตั้งแต่ปี 2520-2528 ตนฟ้องคดีในศาลชั้นต้นจนชนะ และศาลยกฟ้องคดีของ นางพวน เจริญศรี ผู้เป็นโจทก์ฟ้อง เหตุเพราะเป็นที่ดินได้มาจากการจัดสรร ห้ามจำหน่ายจ่ายโอนให้ผู้ใด และห้ามผู้ใดเอามาซึ่งสิทธิในที่ดินดังกล่าวเอาไปเป็นของตน หรือผู้อื่น อันเป็นการต้องห้ามชัดแจ้ง โดยกฎหมายตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113
หลังตนชนะ คดีแล้ว ได้ถูก นางพวน เจริญศรี ได้นำสัญญากู้ยืมเงินมาฟ้องพระอิน (คือสามี) ซึ่งบวชเป็นพระตั้งแต่ปี 2529 ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว และคู่กรณี นางพวน เจริญศรี ก็ได้เสียชีวิตแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ ยังมีหนังสือจากศาลยืนยันว่าตน นางสม งามอยู่ ไม่เป็นคนวิกลจริต และไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
ตนได้เดินทางโดยขึ้นรถไฟฟรี ขบวนออกเวลา 11.00 น. เมื่อวันจันทร์ที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่สถานีรถไฟสุรินทร์ เข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม จากกรณีที่ตน และลูกชายถูกโกงที่ดินใน จ.สุรินทร์ เป็นจำนวนถึง 24 ไร่ ทั้งที่อยู่ในสถานะของ น.ส.3 ตามกฎหมายไม่สามารถขายโอน หรือย้ายกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้อื่นได้ โดยเดินทางไปร้องทุกข์เพียงลำพัง และไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว ได้แต่อาศัยรถไฟฟรีเดินทางไป-กลับ พร้อมห่อข้าวจากบ้านไปกินเองด้วย จาก นั้น นางสม งามอยู่ คุณยายยอดนักสู้ได้พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบที่นา จำนวน 24 ไร่ อยู่ห่างไกลออกไปจากบ้านกว่า 7 กิโลเมตร (กม.) พบว่า มีการปลูกข้าว และสร้างคันนาขนาดใหญ่เพื่อแบ่งอาณาเขตที่ชัดเจนคนละครึ่งระหว่างทายาท นางพวน เจริญศรี และลูกสาวของ นางสม งามอยู่ เข้าทำกินทำนา จำนวน 12 ไร่ ภายหลังคำสั่งศาลให้มีการแบ่งแยก และเข้าทำการครอบครองคนละครึ่ง
นาง สม คุณยายยอดนักสู้กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันนี้ตนเดินร้องทุกข์ปากเปล่า ไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว ได้เพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเพียงเดือนละ 800 บาทเท่านั้น ตนต้องสู้เพื่อทวงคืนที่ดินของบรรพบุรุษมาตั้งแต่ปี 2534 หลังออกจากคุกมาก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ต่อสู้เรียกร้องขอความเป็นธรรมมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม คดีของ นางสม งามอยู่ เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาได้ตกเป็นข่าวใหญ่โตอยู่พักหนึ่งกรณี นางสม ได้ออกหาเก็บหอยขุดปูตามท้องนาไปขาย เพื่อเป็นค่ารถโดยสารประจำทาง เดินทางไปร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมในคดีนี้เพื่อขอที่ดินคืน และได้ซื้อหนังสือกฎหมายมาอ่านเอง เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการฟ้องร้องคดีที่ดิน จนสามารถเรียนรู้เชี่ยวชาญในกฎหมายด้านต่างๆ เกี่ยวกับที่ดินจากตำราที่ซื้อมาอ่านเอง และเดินเรื่องต่อสู้เพื่อเอาที่ดินของตนกลับคืนมาอย่างต่อเนื่อง
แต่ จนแล้วจนรอดตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา การร้องเรียนของ ยายสม งามอยู่ ยังไม่มีอะไรคืบหน้าจนถึงปัจจุบัน แม้เป็นข่าวโด่งดังมาแล้วก็ตาม ข้าราชการที่ทำคดีเรื่องที่ดินของยายสม งามอยู่ ต่างเกษียณอายุราชการไปหลายราย บางรายเสียชีวิตไปแล้ว และเรื่องราวชีวิตของยายสม งามอยู่ ยังมีผู้เอาไปสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้ว แต่ไม่โด่งดัง และกลับมาโด่งดังแชร์สนั่นอีกรอบในยุคดิจิตอล สังคมออนไลน์อยู่ในขณะนี้
ที่มา : manager