เรียกได้ว่าสมัยนี้หากใครคิดถึงเรื่องศัลยกรรมประเทศแรกๆ ที่ชาวไทยนึกถึงคงหนีไม่พ้นเกาหลีใต้แดนกิมจิ ที่ประชาชนส่วนใหญ่ต่างมองเรื่องการทำศัลยกรรมใบหน้าเป็นเรื่องธรรมดาจนถึงขั้นเชื่อว่าสาวเกาหลีคนไหนที่สวยตั้งแต่เกิดไม่มีจริง และมั่นใจว่าทุกคนไปนอนใต้มีดหมอมาแล้วแน่นอน แต่ก็มีหลายคนเช่นกันที่ไม่ได้ทำศัลยกรรม เพราะแก้ไขจุดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ของตนเอง แต่จำเป็นต้องทำศัลยกรรมเพราะใบหน้ามีปัญหาหนักจนกลายเป็นปมด้อยของชีวิต
รายการทีวีที่ส่งเสริมเรื่องการทำศัลยกรรมอย่าง Let Me In ที่ว่าด้วยการเมคโอเวอร์ (Make Over) เปลี่ยนโฉมคนที่กำลังต้องการความช่วยเหลือจากหน้ามือเป็นหลังมือจำเค้าเดิมแทบไม่ได้จึงได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากสาวๆ ในหลายประเทศ โดยรายการนำเสนอเรื่องราวคนที่มีปัญหาหนักในการใช้ชีวิตทั้งการมีตำหนิปมด้อย, อุบัติเหตุที่ทำให้บอบช้ำทางจิตใจ รวมถึงความผิดปกติทางรูปร่าง หรือ ความพิการทางร่างกาย ซึ่งรายการจะเลือกช่วยรักษาบุคคลที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างแท้จริงเท่านั้น
ซึ่งจากการรวบรวมภาพ ก่อน – หลัง ของบรรดาสาวๆ ที่มีปัญหาและเคยผ่านการเมคโอเวอร์ จากรายการ Let Me In มาก่อน ทำให้เห็นว่าไม่แปลกใจทีเดียวที่สาวๆ หลายคนทึ่งกับการทำศัลยกรรมของแพทย์เกาหลี จนถึงขั้นก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการตั้งเป้าทำศัลยกรรมใบหน้าของตนเองบ้าง แม้ไม่ได้มีปัญหาทางใบหน้าอย่างหนักเช่นผู้เข้าร่วมรายการเหล่านี้เลยก็ตาม
โดยการทำศัลยกรรมสำหรับบางคนไม่ได้ต้องการลบข้อบกพร่องทางใบหน้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องการลบข้อบกพร่องที่ซึมลึกอยู่ในจิตใจของตนเองด้วย เพราะแม้รูปร่างหน้าตาของพวกเขาไม่ได้ประหลาด หรือผิดปกติใดๆ สาวที่มีปมในจิตใจก็ยังพยายามจะไปนอนใต้มีดหมอเพียงเพราะคำว่า “อยากสวย” “อยากได้” และ “อยากมี” รวมถึงบางคนที่ขาดความมั่นใจจากการถูกคนรักทิ้งและคิดโทษตนเองว่า “ยังไม่สวยพอ!” จึงต้องทำศัลยกรรมทุกครั้งหลังอกหัก เพราะอยากเป็นคนที่สวยกว่าเดิม
ซึ่งสอดคล้องกับการนำเสนอของเกาหลีที่เผยให้เห็นว่า “การทำศัลยกรรมนั้นสามารถเปลี่ยนชีวิตของคนได้จริงๆ” จนเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้คนอยากทำศัลยกรรมมากมาย เพราะนอกจากจะเผยรูปโฉมที่ผิดกับก่อนทำศัลยกรรมจนจำแทบไม่ได้แล้ว ยังเผยให้เห็นชีวิตหลังศัลยกรรมของบุคคลเหล่านั้นที่ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย ซึ่งหลายคนเมื่อรูปร่างหน้าตาสวยดูดีแล้ว ก็มักจะได้รับโอกาสที่ดีในชีวิตมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของหน้าที่การงาน และยังทำให้พวกเขามั่นใจในการใช้ชีวิตและยอมเข้าสังคมมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นมนุษย์ที่โหยหาความรักก็มีโอกาสในเรื่องนี้มากขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน
แต่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีเสมอไป เพราะกรณีสาวศัลยกรรมเพราะอยากมีความรักเช่นเดียวกับหญิงสาวรายอื่นๆ ก็เคยต้องชอกช้ำจากความจริงที่ตนเองปิดบังมานาน อย่างกรณีของสาวจีนที่โด่งดังในโลกออนไลน์จากการที่เธอถูกฟ้องร้องโดยสามีหลังให้กำเนิดลูกแล้วเด็กออกมาหน้าตาไม่ดี ซึ่งแตกต่างจากเขาและภรรยาที่ต่างก็หน้าตาดีมาก โดยเวลานั้น เจียน เฟิง ฝ่ายสามีได้ฟ้องร้องกล่าวหาภรรยาว่าหลอกลวงเขาให้เชื่อว่าเธอมีใบหน้าสวยงามมาตั้งแต่กำเนิด จนเขาหลงรักและยอมแต่งงานด้วย แต่เนื่องด้วยภรรยาของเจียนฟงมีความปรารถนาเช่นหญิงสาวทั่วไปที่อยากมีความรักทำให้เธอตัดสินใจทำศัลยกรรมและปิดบังความจริงในอดีตของตนเองเรื่อยมา โดยท้ายสุดสามีเป็นฝ่ายชนะคดีและเธอต้องชดใช้เงินให้เขาถึง 75,000 ปอนด์
นอกจากนั้น การทำศัลยกรรมจนกลายเป็นการเสพติดศัลยกรรมและก่อให้เกิดความผิดพลาดจนใบหน้าเสียโฉมไปเลยก็มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วเช่นกัน อย่างนักร้องสาว ฮันมีอ๊ก ที่ต้องเปลี่ยนจากนักร้องสาวสวยมาเป็นมนุษย์หน้าตาประหลาดเพียงเพราะการเสพติดศัลยกรรมจนเสียโฉมด้วยน้ำมือตนเอง
โดยเธอคลั่งไคล้การเสริมความงามถึงขนาดลงมือฉีดพาราฟินและน้ำมันทำอาหารเข้าใบหน้าตนเอง เพราะแพทย์ปฏิเสธที่จะทำศัลยกรรมให้เธอแล้ว และจากความหมกมุ่นในเรื่องดังกล่าวทำให้เธอกลายเป็นจิตเภทขั้นรุนแรง
อย่างไรก็ตาม การทำศัลยกรรมนับว่าไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด ใครปรารถนาอยากแก้ไขใบหน้าตนเองย่อมเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลของคนคนนั้น เพียงแต่ว่าก่อนทำและหลังทำขอให้ทุกคนมีสติและมีคำว่า “เพียงพอ” และ “พอดี” อยู่ในใจก็พอแล้ว
ขอบคุณที่มา ผู้จัดการออนไลน์
