ที่มา: sanook

โรคเอ็มเอส หรือที่เรียกว่า โรคปลอกประสาทอักเสบ ที่มักเกิดกับคนวัยทำงานหรือวัยหนุ่มสาว ซึ่งจะมีอาการอ่อนเพลียไม่ค่อยมีแรง ชาตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย มีปัญหาในการเดินหรือการทรงตัว ตามัวมองไม่เห็น ก็ถือว่าเป็นสัญญาณของโรคนี้

นพ.วัชรพงศ์ ชูศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท โรงพยาบาลกรุงเทพได้ให้ข้อมูลถึงโรคนี้ว่า โรคเอ็มเอส หรือโรคมัลติเพิล สเคลอโรซิส ในชื่อภาษาไทยว่า โรคปลอกประสาทอักเสบ ในประเทศไทยเคยมีการศึกษาพบว่ามีเพียง 2 คนใน 100,000 คน ซึ่งถือว่าน้อยมาก โดยมากเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชายในช่วงอายุ 20-40 ปี

โรคเอ็มเอส คือการเกิดความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลางและไขสันหลัง ไม่มีสาเหตุหลักแน่นอน แต่เชื่อกันว่า โรคเอ็มเอส เกิดจากปัจจัยหลัก คือ พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม

โดยเฉพาะการติดเชื้อ หรือได้รับเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรียบางชนิด ส่งผลให้ภูมิต้านทานของร่างกายไม่สามารถแยกแยะได้ถูกต้อง ระหว่างเซลล์ร่างกายกับสิ่งแปลกปลอม ทำให้แทนที่ภูมิต้านทานจะทำลายเชื้อโรคเพียงอย่างเดียว กลับไปทำลายปลอกหุ้มเส้นประสาทด้วย จนเกิดอาการอักเสบขึ้นมา ต้องให้แพทย์วินิจฉัยอย่างละเอียดว่าต้นตอของโรคมาจากจุดใด

ผู้ป่วยแต่ละรายมีอาการที่หลากหลาย เป็น ๆ หาย ๆ ขึ้นอยู่กับบริเวณที่เกิดโรค เช่น หากเกิดที่เส้นประสาทตา จะส่งผลต่อการมองเห็น อาจสูญเสียการมองเห็นของตาข้างใดข้างหนึ่ง เนื่องจากเส้นประสาทตาอักเสบ จึงทำให้ปวดตา ตามัว ภายในเวลา 1-2 นาที

หากเกิดที่ไขสันหลัง หรือสมอง อาจมองเห็นภาพซ้อน มีอาการชาครึ่งตัว แขนขาไม่มีแรง เหน็บชา ปวด หรือปัสสาวะไม่ออก ขึ้นอยู่กับว่าเกิดที่สมองส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมส่วนไหนของร่างกาย แต่ถ้าเป็นที่สมองส่วนกลางที่ควบคุมการทรงตัว ผู้ป่วยอาจมีอาการหัวหมุน วิงเวียนศีรษะ หากเป็นมากอาจสูญเสียการเคลื่อนไหวของร่างกาย จนอาจเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ได้ในขั้นรุนแรง

โรคเอ็มเอส ไม่ใช่โรคติดต่อ ผู้ป่วย โรคเอ็มเอส แต่ละคนจะแสดงอาการแตกต่างกัน บางคนเป็นหนัก บางคนแสดงอาการเป็นครั้งคราว และผู้ป่วย โรคเอ็มเอส ไม่สามารถคาดเดาได้ว่า จะเกิดอาการขึ้นมาเมื่อไหร่

ลักษณะเช่นนี้จึงส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ทั้งความคิดความจำ การใช้ชีวิตผู้ป่วยจึงต้องได้รับยาและรักษาต่อเนื่อง โดยมีวิธีการให้ยา 2 แบบคือหากแบบเฉียดพลันระงับอาการ โดยการฉีดสเตียรอยด์ และยาป้องกันเป็นยาทาน

เรื่องน่าสนใจ