รู้จักโรคร้าย “วัณโรคหลังโพรงจมูก” สาเหตุคร่าชีวิต “น้ำตาล The Star 5” หลังจากที่ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล รายงานผลการตรวจวินิจฉัยชิ้นเนื้อหลังโพรงจมูก ของ นางสาวบุตรศรัณย์ ทองชิว หรือ “น้ำตาล” เป็น ‘วัณโรคหลังโพรงจมูก’ เผย มีโอกาสพบได้น้อยกว่าร้อยละ 1 ของวัณโรคที่พบในปอด
วัณโรค ยังคงเป็นหนึ่งในโรคติดต่อที่อันตรายที่สุดในโลก สามารถส่งผลกระทบต่อปอด (ปอดวัณโรค) และในส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ด้วย เช่น บริเวณศีรษะและลำคอ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้มากถึง 10% ของผู้ป่วยวัณโรคทุกราย
Nasopharyngeal tuberculosis (NPTB) หรือวัณโรคหลังโพรงจมูก ถูกระบุว่า มีการพบน้อยกว่า 1% และได้มีการค้นพบว่าโรคนี้มีความเกี่ยวเนื่องกันอย่างมีนัยยะสำคัญกับวัณโรคปอด
สําหรับสถานการณ์วัณโรคในประเทศไทย พบว่าประเทศไทยถูกจัดเป็นหนึ่งใน 22 ประเทศ ที่มีค่าเปอร์เซ็นต์สูงพอสมควร คือ ร้อยละ 80 ของผู้ป่วยวัณโรคจาก ทั่วโลก และคาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะมีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ทุกประเภท ปีละ 89,000 ราย (142 ต่อแสน ประชากร) และประมาณ 40,000 ราย (63 ต่อแสนประชากร) เป็นผู้ป่วยเสมหะบวก ซึ่งสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ เลือกที่จะซื้อยารักษาตนเอง เป็นอันดับแรกเมื่อมีอาการ ด้วยเหตุผลของความสะดวกในการเข้าถึงบริการ ซึ่งพบว่าเป็นปัจจัยเสี่ยง ที่ทําให้เกิดความล่าช้าในการไปตรวจรับการรักษามากขึ้น ซึ่งความล่าช้าในการไปตรวจรับการรักษาของตัวผู้ป่วยเอง หรือความล่าช้าในการตรวจวินิจฉัย ย่อมส่งผลทําให้เกิดความล่าช้าในการรักษา เพิ่มโอกาสให้เกิดความพิการของอวัยวะที่เป็นโรคมากขึ้น หรืออาจเกิดภาวะแทรกซ้อน
……………………………………………………………………………………
เพราะฉะนั้น สิ่งที่ต้องทำคือ ควรตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี หากมีอาการผิดปกติระยะเวลาหนึ่ง เช่น น้ำหนักลด โดยไม่ทราบสาเหตุ เบื่ออาหาร มีไข้ต่ำๆ คลำได้ก้อนผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ
เนื้อหาโดย Dodeden.com