ข้อแนะนำ วิธีปฏิบัติตัวหลังการ ฉีดโบท็อกซ์ ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

การดูแลตัวเองหลังการทำศัลยกรรม หรือหลังจากที่ไปทำหัตถการ เช่นการฉีดฟิลเลอร์ ฉีดโบท็อกซ์ ร้อยไหม ก็ถือว่ามีความสำคัญเช่นกันทีจะทำให้ผลลัพธ์หลังทำนั้นออกมาได้ผลดี หรือมีประสิทธิผลสูงสุด วันนี้โดดเด่นดอทคอมขอนำเสนอวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ไว้สำหรับบางครั้งเราก็ไม่แน่ใจว่าจะปฏิบัติตัวแบบไหนดี ที่หมอแนะนำมาก็จำได้ไม่หมด ก็สามารถมาเปิดอ่านย้อนหลังกันได้ค่ะ

ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์

ฉีดลดกราม

วิธีปฏิบัติตัวหลังการ ฉีดโบท็อกซ์

หลังฉีด ไม่ควรสัมผัส ลูบคลำ หรือนวดบริเวณที่ฉีด เพราะอาจมีผลต่อการกระจายตัวของตัวยา ยกเว้นประคบน้ำแข็ง
ภายใน 4 ชั่วโมง หลังฉีดใหม่ๆ ยังไม่ควรไปนอนราบ หรือนอนตะแคง เพราะในช่วง 4 ชั่วโมงแรก เป็นช่วงการซึมของยาเข้ากล้ามเนื้อ ถ้านอนตะแคงจะทำให้การกระจายตัวของยาผิดจากตำแหน่งที่แพทย์คาดการณ์ไว้ได้
ภายใน 4 ชั่วโมงแรก หลังฉีดโบท็อกซ์ มีความสำคัญมากๆ ต้องบริหารกล้ามพเนื้อบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ เพื่อให้ตัวยาซึมเข้าสู่กล้ามเนื้อที่ต้องการให้ออกฤทธิ์มากที่สุด เช่น ฉีดหางตา ควรยิ้มบ่อยๆ ฉีดหน้าผากควรยักคิ้วบ่อยๆ หรือฉีดกรามควรเคี้ยวหมากฝรั่ง 15 นาที หรือ 4 ชั่วโมง ตามดุลยพินิจแพทย์
ภายใน 2 สัปดาห์แรก ควรงดการเข้าอบไอน้ำ อบซาวน่า ยิงเลเซอร์ ทำ RF หรือ ไอออนโตที่หน้า เพราะความร้อนเฉพาะจุดเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อโบท็อกซ์ได้ใน 2 สัปดาห์แรก ความร้อนที่สามารถโดนได้คือ ไดร์เป่าผม อาบน้ำอุ่น (งดบริเวณที่ฉีด โบท็อกซ์)
ใน 2 สัปดาห์แรก งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์ จะลดประสิทธิภาพของโบท็อกซ์
สำหรับการฉีดโบท็อกซ์ที่กล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น กล้ามเนื้อกราม และน่อง ตัวยาจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-4 สัปดาห์ ดังนั้น ช่วงแรกๆ อาจยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ฤทธิ์ยาจะมีผลสูงสุดในช่วง 4-8 สัปดาห์ (1-2 เดือน) และจะหมดฤทธิ์เมื่อครบเวลา 4-6 เดือน / กรณีฉีดริ้วรอย ใต้ตา หางตา หน้าผาก อาจส่งผลให้หางตาตก หรือยิ้มแล้วตาดุ ตาแข็ง ในช่วงแรก แต่อาการดังกล่าวจะค่อย ๆ ลดลง / ฉีดบริเวณโหนกแก้ม จะทำให้ยิ้มแล้วดูไม่เป็นธรรมชาติในช่วงแรกเนื่องจากโหนกแก้มโดนรัดตัวไว้ ซึ่งอาการดังกล่าวจะค่อย ๆ ลดลง