ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยใด เรื่องที่ผู้หญิงให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ คงไม่พ้นเรื่องของความสวยความงาม ยิ่งเมื่อล่วงเข้าสู่ยุคโซเชียลเน็ตเวิร์กที่การสื่อสารไร้พรมแดน ผู้คนแชร์ภาพอวดโฉมผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนกันแทบจะทุกอิริยาบถ ทำให้สาวๆหรือแม้กระทั่งหนุ่มๆยอมกันไม่ได้เลยทีเดียวในเรื่องของความสวยความหล่อ
ในสมัยนี้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมความงามมากขึ้นเรื่อยๆ บวกกับวิถีชีวิตและวิธีคิดที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้คนเปิดใจยอมรับการทำ “ศัลยกรรม” ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์กันมากขึ้น ไม่ต้องคอยปิดบังซ่อนเร้นอายเพื่อนว่าสวยเพราะศัลยกรรมแบบเมื่อก่อน คอลัมน์ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียลโดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูนจึงอดไม่ได้ที่จะนำเรื่องการศัลยกรรมเสริมความงามในยุคสมัยใหม่มาเล่าสู่กันฟังในสัปดาห์นี้
ถ้านึกถึงประเทศที่การศัลยกรรมเฟื่องฟูมากที่สุดในยุคนี้ คงไม่พ้น “เกาหลี” ดินแดนที่ “ความสวยด้วยแพทย์” ทรงอิทธิพลจนได้รับสมญานามว่า เป็นประเทศแห่งการศัลยกรรมขึ้นแท่น อันดับ 1 ของโลก แต่แพทย์ไทยของเราเองก็มีฝีมือขั้นเทพที่สามารถดึงดูดผู้พิสมัยความงามจากต่างแดนให้บินลัดฟ้ามาต่อคิวทำสวยกันไม่น้อยเช่นกัน
ปัจจุบันการทำศัลยกรรมมีการพัฒนาหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดเสริมความงาม เช่น การเสริมจมูก ทำตา 2 ชั้น เสริมหน้าอก ดึงหน้า การใช้เลเซอร์ การดูดไขมันหน้าท้อง-สะโพก-ต้นขา การทำโบท็อกซ์ เพื่อให้หน้าเรียว เต่งตึง การร้อยไหมเพื่อยกกระชับผิวแก้ไขริ้วรอยลดปัญหาใต้ตาหย่อน กระชับช่วงใต้คางและลำคอ แต่วิธีเสริมความงามที่แพร่หลายและได้รับความนิยมสุดๆในปัจจุบันนี้ก็ต้องยกให้การใช้ “ฟิลเลอร์” (Filler) เพื่อปรับรูปแบบใบหน้าให้ดูเป๊ะมากขึ้น แต่การจะมีใบหน้าสวยได้รูปสมใจนั้น สาวๆก็ต้องใส่ใจเลือกฟิลเลอร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย.และอยู่ภายใต้คำแนะนำและดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นนะ
เทรนด์การใช้ฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปใบหน้านั้น เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ตอนนี้กำลังนิยมกันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นโซนเอเชียหรือยุโรป เพราะสะดวก ใช้เวลาไม่นาน และเห็นผลทันทีหลังจากทำเสร็จ โดยแพทย์จะใช้วิธีฉีดฟิลเลอร์บนบริเวณใบหน้าในตำแหน่งที่ต้องการปรับเปลี่ยน ซึ่งเฉลี่ยแล้วก็ใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจำนวนตำแหน่งที่ต้องการแก้ไข ซึ่งนี่ถือเป็นเสน่ห์ของฟิลเลอร์สำหรับสาวที่อยากสวยทันใจ ด้วยเหตุที่เจ็บน้อย ให้ผลไว ทำแล้วไม่ถูก ใจก็สามารถแก้ ไขได้ง่ายกว่าการทำ ศัลยกรรมด้วยการผ่าตัด ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะให้คำแนะนำในแต่ละส่วนว่าควรเพิ่มเติมมากน้อยเพียงใด โดยจะพิจารณาจากความเหมาะสมและคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้รับการฉีดฟิลเลอร์แต่ละคนเป็นหลัก
สำหรับคนเอเชียอย่างเราๆ บริเวณใบหน้าที่ฮิตทำฟิลเลอร์มากเป็นอันดับต้นๆ คือ สันจมูก ลบรอยลึกใต้ตา หรือตีนกา ลบรอยลึกช่วงร่องแก้ม คาง และบริเวณถุงใต้ตา เพื่อให้จมูกโด่งหน้าเด้งสมใจ ทั้งนี้ เมื่อฟิลเลอร์เข้าสู่จุดบริเวณต่างๆบนใบหน้า ด้วยคุณสมบัติของฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มในจุดนั้นๆ จากนั้นแพทย์จะทำการปรับรูปทรงสัดส่วนดังกล่าวให้สวยงามเหมาะสมกับใบหน้าตามที่ต้องการ เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนนี้ แพทย์จะแนะนำให้ผู้ใช้บริการพักรอดูผลการทำประมาณ 15 นาที ก็สามารถกลับได้ ด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่นี้ทำให้การศัลยกรรมเสริมความงามนั้นง่าย สะดวก และรวดเร็ว จึงไม่น่าแปลกใจที่วิธีนี้ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
การทำสกินบูสเตอร์.
เทรนด์ใหม่กำลังมาแรงในแวดวงศัลยกรรมเกาหลีขณะนี้ที่คนไทยอย่างเราไม่ควรตกข่าวก็คือ สกินบูสเตอร์ (Skinboosters) หรือการเพิ่มความชุ่มชื่นและลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ทั้งรอยเหี่ยวย่น หรือรอยแผลสิวให้กับผิวหน้า ด้วยกระบวนการของนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ Non Animal Stabilize Hyaluronic Acid หรือ NASHA ที่กล่าวกันว่ามีคุณสมบัติใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด ด้วยคุณสมบัติเด่นตรงที่แพทย์จะฉีดสกินบูสเตอร์ลงบนผิวหนังโดยตรง และโมเลกุลสกินบูสเตอร์จะถูกเก็บไว้ในผิวชั้นหนังแท้และปล่อยความชุ่มชื่นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจะทำให้เกิดมีการกระตุ้น เซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibrolast) เซลล์ที่ผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งสูญเสียไปตามธรรมชาติให้มีการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา ส่งผลให้ริ้วรอย รอยแผลสิว รูขุมขนขนาดใหญ่ รวมถึงผิวที่แห้งกร้านเกิดการปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้นจากภายใน หลังจากฉีดสกินบูสเตอร์ 2-3 วันผิวจะแลดูเปล่งปลั่ง กระชับเนียนใส ลดความหยาบกร้าน และการสูญเสียน้ำของผิว ทำให้ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ที่มีผิวแห้งหรือต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นประจำ หรือผู้หญิงที่กำลังเผชิญกับปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า รวมถึงริ้วรอยแผลสิว หันมาสนใจวิธีนี้กันมากขึ้นด้วย
ดร.ฮยองจิน มูน.
ดร.ฮยองจิน มูน (Dr. Hyoung Jin Moon) ศัลยแพทย์ตกแต่ง อาจารย์โรงเรียนแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยยอนเซ ประเทศเกาหลีใต้ (Yonsei University medical college, South Korea) ได้กล่าวไว้ว่า “สกินบูสเตอร์เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในวงการเสริมความงามที่เหล่าดาราและเซเลบริตี้ในเกาหลีต่างให้ความสนใจอย่างมาก ด้วยกลไกการทำงานแสนพิเศษของโมเลกุลสกินบูสเตอร์ที่เปรียบเหมือนสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำไว้ใต้ผิวชั้นหนังแท้ที่จะช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื่นตลอดเวลาจากภายใน โดยมี ไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyalu-ronic acid หรือ HA) สารธรรมชาติที่มีคุณสมบัติช่วยอุ้ม น้ำได้อย่างดีเยี่ยมซึ่งร่างกายสามารถผลิตได้เอง เป็นส่วนประกอบหลักในการปรับปรุงคุณภาพของผิว ดั่งผิวของสาวเกาหลีที่แลดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ โดยกลไกการทำงานจะอยู่ที่การเพิ่มความชุ่มชื่นและยืดหยุ่นจากภายในผิวชั้นหนังแท้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งครีมหรือโลชั่นต่างๆ ไม่สามารถทำได้”
“คุณสมบัติเด่นของ ไฮยาลูรอนิคแอซิด คือ จะช่วยผิวหนังชั้นใน (Dermis) ให้ได้รับความชุ่มชื่น และกระจายไปถึงผิวหนังชั้นนอก หรือชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ช่วยให้ ผิวในระดับเซลล์สามารถเก็บกักความชุ่มชื่นได้มากกว่าปกติหลายเท่าตัวและรวมถึงกลไกที่ช่วยในการกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาด้วย เมื่อเซลล์ผิวมีความชุ่มชื่นเพียงพอและมีการสร้างผิวใหม่ขึ้นมา ก็จะทำให้หน้าแลดูอ่อนเยาว์เรียบเนียน ริ้วรอยจางลง มีความยืดหยุ่นมากขึ้นจนรู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลแลดูมีชีวิตชีวากว่าที่เคย”
บริเวณที่นิยมทำฟิลเลอร์.
ท่านผู้อ่านคงสงสัยว่าแล้ว ฟิลเลอร์ กับ สกินบูสเตอร์ นั้นต่างกันอย่างไร ขอสรุปให้เห็นชัดๆดังนี้
การใช้ฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารช่วยเติมเต็มเข้าใต้ผิวหนังบริเวณจุดต่างๆของใบหน้าเพื่อเติมเต็มในบริเวณนั้นๆ หรือปรับแต่งรูปทรงสัดส่วนของใบหน้าให้ได้รูปทรงที่สวยงามมากยิ่งขึ้น เช่น ปีกจมูก สันจมูก ริ้วรอยใต้ตา ร่องแก้ม โหนกแก้ม ปลายคาง ริ้วรอยบนหน้าผาก ส่วน สกินบูสเตอร์ นั้นเป็น โมเลกุลของฟิลเลอร์ ซึ่งออกแบบมาเฉพาะตัวให้มีความอุ้มน้ำในระดับที่พอดีอยู่ที่ผิวชั้นหนังแท้และคงความชุ่มชื่นต่อเนื่อง โดยไม่ทำให้ผิวบวมหรือเปลี่ยน-แปลงรูปหน้าไป ผ่านการฉีดเข้าใต้ผิวหนังให้กระจายทั่วใบหน้า เพื่อช่วยเสริมสร้างการเก็บกักน้ำในผิว ทำให้ผิวบริเวณนั้นมีความชุ่มชื่น และดูเรียบเนียนอ่อนเยาว์
สำหรับท่านที่กังวลว่าหากทำทรีตเมนต์อื่นๆ เช่น เลเซอร์ หรือฉีดโบท็อกซ์แล้วจะมาทำสกินบูสเตอร์จะทำให้ผลของทรีตเมนต์อื่นๆไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการหรือเปล่า? กรณีนี้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำแนะนำว่า สามารถทำควบคู่กันได้ โดยจะช่วยส่งเสริมกันอีกด้วยเป็นอันว่าสบายใจได้
แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้รักการปรับปรุงรูปโฉมจะต้องตระหนักไว้ก็คือ การศัลยกรรมจะมีความปลอดภัยหรือไม่นั้น มีปัจจัยที่ขึ้นอยู่กับความสามารถของแพทย์ที่ทำด้วย ดังนั้น อย่าได้เสี่ยงไปทำกับหมอเถื่อน หรือผู้ที่ไม่มีความรู้ความชำนาญ อีกทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้ เช่น ฟิลเลอร์ ซึ่งมีผู้ผลิตออกมามากมายหลายยี่ห้อ จึงต้องเลือกใช้แต่ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา ถ้าจะให้ดีก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากในประเทศอื่นๆ หรือมีการใช้ผลิตภัณฑ์นั้นมาแล้วเป็นล้านๆชิ้นทั่วโลกโดยไม่เกิดปัญหา
การทำงานของ NASHA.
ในยุคนี้ การทำศัลยกรรมความงามกลายเป็นเทรนด์ที่ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่ผู้บริโภคต้องหาความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และวิธีการทำให้เข้าใจแจ่มแจ้งรวมถึงศึกษาถึงการดูแลตนเองหลังการทำอย่างถูกวิธี แค่นี้ก็หล่อ-สวยอย่างปลอดภัยไร้กังวลได้แล้ว.
โดย :รายทาง
ทีมงาน นิตยสาร ต่วย’ตูน
ขอบคุณที่มา ไทยรัฐออนไลน์