กรณี น.ส.สุทธิดา แสงสุมาตร หรือ น้องนุ๊ก อายุ 23 ปี เรียกร้องขอความเป็นธรรม โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด วินิจฉัยว่า ติดเชื้อเอชไอวีตั้งแต่เด็ก ทำให้ถูกสังคมตีตรา แต่ผลตรวจเลือดเมื่อช่วงปี 2555 เป็นต้นมา กลับไม่พบการติดเชื้อดังกล่าว
และเพื่อความชัดเจน เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ได้มีการเจาะเลือดตรวจพิสูจน์ต่อหน้าสื่อมวลชนที่ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ปรากฎว่าผลการตรวจทั้งจากชุดทดสอบ อย่างง่ายและการตรวจระดับแอนติบอดี้ ยืนยันว่า ตรงกันว่าไม่พบเชื้อเช่นกันนั้น
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า การตรวจเลือดให้กับ น.ส.สุทธิดา แม้จะทราบผลการตรวจจากชุดทดสอบอย่างง่ายและการตรวจระดับแอนติบอดี้ ที่รู้ผลภายใน 30-40 นาที ซึ่งปรากฏชัดว่าไม่พบการติดเชื้อแล้ว ยังมีการตรวจระดับลึกที่เรียกว่า การตรวจหาสายพันธุกรรมของเชื้อเอชไอวี หรือ NAT การตรวจระดับลึกแบบ RNA และการตรวจระดับลึกถึง DNA ซึ่งสามารถรู้ผลหลังตรวจประมาณ 2-3 วัน ด้วย
“ล่าสุด ผลการตรวจที่เหลือทั้งหมดออกมาแล้ว และผลตรวจยืนยันเช่นกันว่า ไม่พบการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งผมได้แจ้งให้กับ น.ส.สุทธิดา ให้รับทราบแล้ว และจะนำผลการตรวจนี้เข้าหารือกับ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการ สธ.ในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ เวลา 13.00. น.” ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ กล่าว
ด้าน น.ส.สุทธิดา กล่าวว่า รับทราบผลตรวจที่เหลือทั้งหมดแล้ว ซึ่งยืนยันตรงกันว่าไม่มีการติดเชื้อแน่นอน ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างเตรียมข้อมูลทั้งหมด เพื่อเข้าหารือกับผู้บริหาร สธ.ในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ ส่วนเรื่องเวชระเบียนที่ขาดในช่วงก่อนปี 2550 นั้น ล่าสุดโรงพยาบาลได้แจ้งข้อมูลว่า พบเอกสารแล้ว และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนำไปหารือด้วยเช่นกัน ซึ่งเบื้องต้นเห็นรายละเอียดของเวชระเบียนดังกล่าวบ้างแล้ว แต่ยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ ขอให้รอการหารือในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ก่อน จะได้เห็นแน่นอนว่าประวัติการตรวจรักษาที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการพิสูจน์ว่าแพทย์วินิจฉัยเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ ต้องนำเวชระเบียนก่อนปี 2550 ที่ขาดหายไปมาร่วมพิจารณาด้วย ซึ่งคาดว่าจะมีข้อมูลว่า เริ่มรับการตรวจเชื้อตั้งแต่เมื่อใด กินยาต้านไวรัสเมื่อใด มีปัจจัยเสี่ยงใดจึงต้องตรวจเชื้อเอชไอวี เป็นต้น
