เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 พ.ย. พ.ต.อ.กณิษ ประสานสุข ผกก.สภ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดภายในบ้านเลขที่ 34 ม.2 บ้านแม่กา ต.ดอยเต่า จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ผ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยดอยเต่า ที่เกิดเหตุพบแรงระเบิดทำให้บ้านเสียหายยับเยินรวม 2 หลัง ซึ่งอยู่ภายในรั้วเดียวกัน
โดยชิ้นส่วนของบ้านกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ และพบชิ้นส่วนมนุษย์เป็นต้นขาซ้ายตกอยู่ในที่เกิดเหตุ นอกจากนั้นยังมีรถยนต์และรถกระบะ 3 คัน รถจักรยานยนต์อีก 1 คันได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดด้วย ในที่เกิดเหตุยังพบสารโพแทสเซียมคลอเรต ที่เกษตรกรใช้เร่งดอกและผลลำไยให้ออกนอกฤดูจำนวนมาก
พ.ต.อ.กณิษเผยว่า บ้านที่เกิดเหตุเป็นของนางพยอม นันต๊ะสาร อายุ 45 ปี ซึ่งขณะเกิดเหตุอยู่กับนางสายใจ มาใจ น้องสะใภ้คาดว่าเสียชีวิตทั้งคู่ นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บจากแรงระเบิดอีก 5 ราย ราย ประกอบด้วย นางสาวสาวิตรี ยางนิยม อายุ 18 ปี นางสม ยางนิยม อายุ 50 ปี นางบุสิรวุฒิ ขันแก้วน่าน อายุ 39 ปี นางนาง ติแก้ว อายุ 95 ปี ด.ญ.จิราภรณ์ อินใจ อายุ 1ขวบ 9 เดือน นายวัน ติแก้ว อายุ 95 ปี นางสาวนงคราญ ทนุโวหาร อายุ 33 ปี ทั้งหมด บาดเจ็บเล็กน้อย หลังแพทย์ทำแผลเสร็จได้อนุญาตให้กลับบ้านได้
พ.ต.อ.กณิษเผยว่า สอบสวนทราบว่า บ้านที่เกิดเหตุเพิ่งซื้อสารโพแทสเซียมคลอเรตมา และกำลังช่วยกันบดสารดังกล่าว เพื่อนำไปใส่ต้นลำไย แต่เกิดระเบิดขึ้นจนเป็นเหตุให้นางพยอมและนางสายใจเสียชีวิตคาที่ และที่เหลืออีก 5 รายได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสืบสวนผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงให้เร็วที่สุด ส่วนชิ้นส่วนมนุษย์ที่เป็นต้นขาซ้าย อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นของใคร
รายงานแจ้งว่า ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เคยเหตุระเบิดจากการใช้สารโพแทสเซียมคลอเรตครั้งใหญ่มาแล้ว เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2542 ที่โรงงานลำไยอบแห้ง บริษัทหงษ์ไทยเกษตรพัฒนา จำกัด ต.บ้านกลาง อ.สันป่าตอง เนื่องจากขนย้ายสารโพแทสเซียมคลอเรตจำนวนมากเข้าไปเก็บไว้ในโรงงาน จนทำให้เกิดระเบิดขึ้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 45 ราย บาดเจ็บ 102 ราย และบ้านเรือนเสียหาย 571 หลังคาเรือน
เหตุการณ์ครั้งนั้นศาลชั้นต้นตัดสินให้ผู้บริหารโรงงานมีความผิดในข้อหาโยกย้ายยุทธภัณฑ์โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษจำคุก 1 ปี แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี และสั่งปรับ 90,000 บาท
ส่วนข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายนั้นศาลยกฟ้อง โดยจำเลยในคดี ประกอบด้วย จำเลยที่ 1 บริษัทหงษ์ไทยเกษตรพัฒนา จำกัด จำเลยที่ 2 นายปธาน ตรีฉัตร ผู้จัดการ จำเลยที่ 3 นายเทิดพันธ์ ฉันทะโรจน์ศิริ ประธานกรรมการบริหารบริษัท และจำเลยที่ 4 นายลีหงเหิน หุ้นส่วนชาวไต้หวัน ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ต.ค. พ.ศ. 2551 ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 2 และ 3 เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน และจำคุกนายลีหงเหินซึ่งหลบหนีไป เป็นเวลา 10 ปี
ที่มา ข่าวสด