สาววัย 30+ ดูแลตัวเองอย่างไรให้สดใส ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ?! เพราะจากนี้ไปอีก 10 ปี สาวขี้เกียจ จะสูญเสียความสามารถในการรับออกซิเจนประมาณ 6% และดีใจด้วย หากคุณไม่ใช่หนึ่งในนั้น บริหารปอดและหัวใจตั้งแต่วันนี้ คุณจะกลายเป็นจ้าวแห่งออกซิเจนในอีกหนึ่งทศวรรษข้างหน้า
เปลี่ยนชีวิตด้วยการออกกำลังแบบวิ่งเร็วสลับช้า
การวิ่งที่สร้างความรู้สึกแย่ๆ ตอนอยู่มัธยม คือเพื่อนที่ดีที่สุดในตอนนี้ ลองเดินวอร์มอัพก่อนออกกําลังกาย 5 นาที จากนั้นวิ่งเร็วๆ 30 วินาที โดยใช้แรงของร่างกายราว 90% เสร็จแล้วเดินหรือวิ่งเหยาะๆ อีก 90 วินาที ทําแบบนี้ทั้งหมด 10 ครั้ง ถ้าต้องการออกกําลังหนักขึ้น ลดเวลาพักระหว่างครั้งน้อยกว่า 90 วินาที
นักวิจัยชาวแคนาเดียนสอบถามผู้หญิงวัยสามสิบถึงเหตุผลที่พวกเธอไม่ออกกําลังกาย 40% ตอบว่าไม่มีเวลา ขณะที่อีก 40% ตอบว่าขาดแรงบันดาลใจ ฟังดูคุ้นๆ ไหม? ถ้าติดเครื่องวัดอัตราการเดินเพื่อนับก้าวเดินในแต่ละวัน แล้วเพิ่มจํานวนก้าวเดินให้มากขึ้น คุณจะเห็นความแตกต่างชัดเจน นักวิจัยมหาวิทยาลัยเทนเนสซีพบว่า ผู้หญิงที่เดินอย่างน้อย 10,000 ก้าวต่อวัน จะมีไขมันน้อยกว่าผู้หญิงที่เดินวันละ 6,000 ถึง 9,999 ก้าว ประมาณ 9% และเมื่อมีอายุ 50 ปี ถ้าได้เดินออกกําลังกายตามปกติ ลองเพิ่มจํานวนก้าวเดินให้มากขึ้น ภายในระยะเวลาเท่าเดิมเพื่อให้ได้ประโยชน์จากการออกกําลังกายมากขึ้น แต่ถ้าเดินได้ไม่ถึง 10,000 ก้าว ลองสร้างความเปลี่ยนแปลง โดยจอดรถให้ไกลขึ้นเมื่อไปห้างสรรพสินค้าคราวหน้า
นอนไม่หลับ
จากผลการศึกษาเรื่องการนอนพบว่า ผู้หญิงที่มีอายุเกิน 30 มักมีปัญหานอนไม่หลับมากกว่าผู้หญิงวัย 20 ผู้เชี่ยวชาญยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนก็คือ นอนน้อย = พลังงานน้อย = ออกกําลังกายได้ไม่มีประสิทธิภาพ
ออกกำลังกายช่วยได้
วิธีแก้ปัญหาการนอนไม่หลับคือการออกกําลังกายก่อนไปทํางาน ผลวิจัยของมหาวิทยาลัยนอร์ท เวสเทิร์น บอกว่า ผู้หญิงทํางานนั่งโต๊ะนอนหลับได้ดีขึ้นเมื่อเริ่มออกกําลังกายตอนเช้า นักวิจัยยังพบอีกว่าผู้หญิงที่ร่างกายแข็งแรงขึ้น 10% และพึ่งยานอนหลับน้อยกว่าผู้หญิงร่างกายแข็งแรง 1% หรือน้อยกว่านั้น อีกทั้งรู้สึกวิงเวียนออกกําลังกายไม่ไหว นั่นเป็นเพราะสมองต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนจะตื่นตัวเต็มที่ วิธีแก้คือทานข้าวโอ๊ตสําเร็จรูป 1 ชาม พร้อมกับ นมสดพร่องมันเนยครึ่งถ้วยก่อนออกกําลังกาย ใครที่ทานข้าวโอ๊ตสําเร็จรูป 1 ห่อจะได้รับปริมาณกลูโคสเพียงพอ จะทําให้ตื่นตัว ซึ่งการออกกําลังกายแบบคาร์ดิโอคือวิธีดีๆ ที่ช่วยให้หัวใจแข็งแรง พร้อมเผาผลาญพลังงาน แต่น้ำหนักตัวจะลดลงก็ต่อเมื่อคุณเบิร์นพลังงานออกมากกว่าที่ร่างกายรับเข้าไป อัตราเผาผลาญพลังงานของร่างกายลดลง เป็นผลมาจากจํานวนกล้ามเนื้อที่น้อยลง ดังนันจึงต้องออกกําลังกายต่อไป คุณจะได้ไม่กลุ้มใจมากนักกับการควบคุมตัวเองไม่ให้กินช็อคโกแลตเกินลิมิต
……………………………………………………………………..
นอกจากนี้ โยคะยังช่วยให้เผชิญกับสิ่งที่ยากลําบาก โดยไม่เกิดปฏิกิริยาตอบสนอง ช่วยฝึกให้มีสติมากขึ้น และช่วยให้เราบอกผ่านของหวานได้ แม้อยากกินใจจะขาด ผู้หญิงที่ฝึกโยคะเป็นเวลา 10 ปี โดยเริ่มที่อายุ 45 น้ำหนักเพิ่มน้อยกว่าผู้หญิงที่ไม่ได้ฝึกโยคะหนึ่งกิโลกรัมครึ่ง (ถ้าพวกเธอจะมีน้ำหนักที่ได้มาตรูฐาน) สวนผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกิน น้ำหนักจะลดลง 2.5 กิโลกรัมภายในระยะเวลา 10 ปี ดร. อลันแนะนําให้ฝึกโยคะสัปดาห์ละครั้ง ควบคู่ไปกับการออกกําลังกายแบบคาร์ดิโอถึงจะเห็นผลจริง
เนื้อหาโดย Dodeden.com