จากรายงานของเอเอฟพี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสวัสดิการสังคม นายไอแซค คาโตโพลาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของมาลาวีกล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (27 มิถุนายน) ในวันคนเผือกแห่งชาติ ว่า รัฐบาลกำลังทำการสืบสวนหาสาเหตุของการฆาตกรรมหมู่คนผิวเผือกในประเทศ ซึ่งเชื่อกันว่าถูกนำไปใช้ในด้านไสยศาสตร์
“เราจำเป็นต้องให้ความรู้กับประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงความเชื่อของพวกเขา ให้ยอมรับความจริงว่า คนผิวเผือกมิได้มีอำนาจเวทย์มนต์” นายคาโตโพลากล่าว
คนผิวเผือกคือคนที่มีผิวที่ขาวมากๆ เนื่องจากความผิดปกติทางพันธุกรรมทำให้ขาดเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง เส้นผม และดวงตา ได้ตกเป็นเหยื่อของการฆาตกรรมเพื่อนำชิ้นส่วนร่างกายของพวกเขาไปทำเครื่องรางไสยศาสตร์
นายคาโตโพลากล่าวว่า ข้อมูลของทางการยืนยันว่ามีคนผิวเผือกถูกฆ่าไปแล้ว 6 ราย นับแต่เดือนธันวาคนที่ผ่านมา ขณะที่หน่วยงานขององค์การสหประชาชาติกล่าวว่า มีชาวผิวเผือกในมาลาวีเสียชีวิตแล้ว 9 ราย นอกจากนี้นายคาโตโพลายังกล่าวว่า หลุมศพของคนผิวเผือกยังถูกขุดค้นเพื่อนำเอากระดูกของพวกเขาไปใช้อีกด้วย
การสอบสวนเป็นเวลาสองเดือน ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากยูเอ็น จะช่วยระบุว่าตลาดการซื้อขายอวัยวะของบุคคลเหล่านี้อยู่ที่ใดในบรรดาประเทศมาลาวี โมซัมบิก และแทนซาเนีย ซึ่งต่างมีปัญหาลักษณะเดียวกัน
กลุ่มผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรม, ลักพาตัว และมีกระดูกของคนผิวเผือกไว้ในครอบครอง กล่าวว่า พวกเขานำชิ้นส่วนร่างกายของคนผิวเผือกไปขายในโมซัมบิกและแทนซาเนีย
วันคนผิวเผือกในมาลาวี มีคนผิวเผือกจำนวนมากทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาเข้าร่วมงานท่ามกลางแสงแดดอันร้อนแรง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผิวหนังของพวกเขา ที่สนามฟุตบอลเชิงเขามูลันเจ ทางตอนใต้ของประเทศ หลายคนแสดงความกังวลต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับคนผิวเผือก และเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการป้องกัน และเอาผิดกับบุคคลเหล่านี้
ทั้งนี้วันคนผิวเผือกนานาชาติอย่างเป็นทางการขององค์การสหประชาชาติตรงกับวันที่ 13 มิถุนายน แต่มาลาวีได้เลื่อนการจัดงานในวันดังกล่าวมาเป็นวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งเดิมประธานาธิบดีปีเตอร์ มูธาริกา ของมาลาวีมีกำหนดที่จะเดินทางมาร่วมงานนี้ด้วย แต่กลับมิได้มาปรากฏตัวในงานแต่อย่างใด โดยรัฐมนตรีรายหนึ่งอ้างว่า ท่านประธานาธิบดีติภารกิจอื่นๆในเมืองหลวง