สเต็มเซลล์กับผิว กับความอ่อนเยาว์ สำหรับสาวๆ รักสวย สิ่งที่กลัวที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องความแก่ จึงต่างพยายามแสวงหาวิธีการที่จะทําให้ความสวยความสาวอยู่กับเราให้นานที่สุด แต่มีหลายคนที่กระเป๋าหนักแต่ก็ไม่อยากเจ็บตัว ก็มีทางเลือกที่จะมาช่วยต้านความชรา ฟื้นฟูสภาพผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก เพื่อให้กลับมาเนียนสวยและเต่งตึงขึ้นอีกครั้ง ด้วยสเต็มเซลล์ (Sterm Cell) หรือเซลล์ต้นกําเนิด มาค้นหาคําตอบแบบเจาะลึกกันค่ะ
โดยปกติแล้ว สเต็มเซลล์ในร่างกาย ก็เปรียบเหมือนนายช่างที่คอยซ่อมแซมความเสื่อมของร่างกาย อาหารที่ทานเข้าไป ก็จะเป็นวัตถุดิบที่มาช่วยซ่อมแซมอวัยวะส่วนที่สึกหรอ แต่พออายุมากขึ้น สเต็มเซลล์ในร่างกายเริ่มน้อยลง และสารอาหารที่มีอยู่ก็ไม่เพียงพอ หากเราสามารถเพิ่มจํานวนสเต็มเซลล์เข้าไปช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายได้ ก็จะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะอย่าลืมว่า ปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ นั้น ส่วนใหญ่เกิดจากความเสื่อมของร่างกายทั้งสิ้น
ซึ่งการแพทย์ปัจจุบัน เริ่มหันมาใช้เซลล์บำบัด เพื่อช่วยชะลอหรือฟื้นฟูความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ให้สามารถคงความอ่อนเยาว์ได้นานขึ้น และด้วยคุณสมบัติของสเต็มเซลล์ในการช่วยซ่อมแซมฟื้นฟูนี่เอง ทําให้ถูกนํามาใช้เพื่อช่วยแก้ปัญหาในเรื่องความงามด้วย เช่น การลดเลือนฝ้า กระ เม็ดสีที่เปลี่ยนแปลงไป ให้ผิวกลับมาชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวพรรณ ช่วยลดริ้วรอยให้ค่อยๆ จางไป ซึ่งนับเป็นวิธีสวยที่ต่างจากความนิยมเดิมๆ ที่เหี่ยวก็ดึง ย่นก็เย็บ มากทีเดียว
ประเภทของสเต็มเซลล์
มีหลายชนิดแต่งต่างกัน ตัวอย่างเช่น สเต็มเซลล์ที่อยู่ในไขกระดูก ก็คือสเต็มเซลล์จากเนื้อเยื้อที่โตเต็มวัยแล้ว (Adult Stem Cell) หรือสเต็มเซลล์ที่อยู่ในตัวอ่อนมนุษย์ ก็คือ “สเต็มเซลล์จากตัวอ่อนมนุษย์” (Embryonic Stem Cell) และยังมี สเต็มเซลล์เม็ดเลือด ด้วย
ซึ่งการใช้สเต็มเซลล์ช่วยรักษาทางด้านผิวหนังที่ให้ผลดีนั้น มีหลายวิธี มีทั้งแบบเจ็บตัว คือการฉีด ก็จะช่วยให้อยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี หรือในแบบที่สาวๆ หลายคนสนใจ และไม่ต้องเจ็บตัว นั่นก็คือการทา หรือการใช้ร่วมกับเครื่องมือที่เรียกว่า Non needle Mesotherapy ซึ่งเป็นการผลักสเต็มเซลล์ลึกลงไปถึงผิวหนังชั้นในสุด ด้วยนาโนเทคโนโลยี ซึ่งวิธีการทํางานของเครื่องนี้ จะช่วยเปิดรหัสเซลล์ผิวตรงผนังเซลล์ให้เปิดออก ทําให้สามารถผลักสเต็มเซลล์เข้าไปได้ด้วยกระแสอิเล็กตรอน หลังจากนั้น เครื่องก็จะทําการล็อครหัสของผิว เพื่อจะให้สเต็มเซลล์เข้าไปอยู่ในนิวเคลียสของเซลล์ ทําให้สามารถลงไปสู่ผิวชั้นในสุดได้ ซึ่งต่างจากสมัยก่อนที่มีการใช้เครื่องไอออนโต โฟโน ที่ช่วยผลักมอยเจอร์ไรเซอร์หรือวิตามินซีลงไปอยู่ในช่องว่างระหว่างเซลล์
••••••••••••••••••••••••••••••
ทั้งนี้ ก่อนที่จะผลักสเต็มเซลล์เข้าสู่เซลล์ผิวหนัง แพทย์จะต้องขจัดเซลล์ผิวหนังชั้นขี้ไคลออกไปก่อน เมื่อสเต็มเซลล์ใหม่ที่อยู่ในเซลล์ ลงสู่ผิวหนังชั้นล่างสุดซึ่งถือเป็นชั้นที่ทําหน้าที่สร้างเซลล์ผิวใหม่ (Precursor) เซลล์ผิวก็จะเริ่มสร้างเซลล์ใหม่ ด้วยการก๊อบปี้ดีเอ็นเอหรือรหัสพันธุกรรม (DNA) จากสเต็มเซลล์ที่ถูกผลักเข้าไปใหม่นี้ คืนกลับสู่เซลล์ผิวหนังชั้นบน ก็จะได้เซลล์ที่มีคุณภาพดี ช่วยให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ แข็งแรง ผิวดูฟูขึ้น ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้เป็นอย่างดี
เนื้อหาโดย Dodeden.com