วันที่ 11 กรกฎาคม 2559 เรือโท สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักอัยการสูงสุด พร้อมด้วย นายวิเชียร ถนอมพิชัย รองอธิบดีอัยการ สำนักคดีอาญา และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้แถลงการพิจาณาสั่งฟ้องกรณี 7 โจ๋รุมฆ่านายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ชายพิการ
โดยเรือโท สมนึก ระบุว่า สำนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา ได้รับสำนวนคดีจากพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย มาเมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งจากการพิจารณา นายณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา อธิบดีอัยการ สำนักคดีอาญา มีคำสั่งฟ้อง กลุ่มวัยรุ่นทั้ง 7 คน ประกอบด้วย
นายพีระพล ยศพงษ์อนันต์
นายอัครเดช ทัศนะ
นายมนต์มนัส แสงโพธิ์
นายจตุพร จันทร์โสภา
นายเมฆ พลไกรสร
นายอรินทร์ ยศพงษ์อนันต์
นางสาวณัฐนิชา ฤทธิ์ล้ำเลิศ
ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และร่วมกันพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร กรณีร่วมกันทำร้ายร่างกายนายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ชายพิการ จนเสียชีวิต และสั่งฟ้องนายอัครเดช/นายจตุพร/นายเมฆ/และนายอรินทร์ เพิ่มในข้อหาร่วมกันบุกรุกเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้าย กรณีเข้าไปภายในบ้านของผู้เสียชีวิต ด้วย
ส่วนข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามที่มารดาผู้ตายได้ร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดให้แจ้งพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมนั้น สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วว่ายังไม่เป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะเป็นการกระทำไปโดยทันด่วน ไม่มีการคิดไตร่ตรองหรือทบทวนไปกระทำความผิด จึงงดการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมดังกล่าว
ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา ได้มีความเห็นสั่งคดีนี้เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะนำสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้องส่งฟ้องต่อศาลอาญา ในวันพุธที่ 13 กรกฎาคมนี้ ซึ่งครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหาผลัดที่ 6 โดยยังคงคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน
สำหรับข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามกฎหมายกำหนดบทลงโทษสถานเดียวคือ ประหารชีวิต ซึ่งจะต้องมีการวางแผนเตรียมการที่จะกระทำผิดชัดเจน อาทิ การว่าจ้างมือปืนไปฆ่าผู้อื่น ซึ่งแตกต่างจากข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ที่มีบทลงโทษตั้งแต่ประหารชีวิต/จำคุกตลอดชีวิต และจำคุกตั้งแต่ 15 ถึง 20 ปี
ขณะที่ผู้เสียหาย หากต้องการเรียกค่าเสียหาย ก็สามารถยื่นคำร้องต่ออัยการเพื่อยื่นต่อศาล ขอรับค่าเสียหายในคดีอาญาได้โดยไม่ต้องฟ้องร้องคดีความเพิ่มอีก แต่จะต้องยื่นก่อนที่ศาลจะสืบพยานนัดแรกในคดี หรือหากคดีไม่มีการสืบพยานก็จะต้องยื่นก่อนที่ศาลจะตัดสินคดีความ