บาริสต้าที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยและหลงใหลในรอยยิ้มอันมีเสน่ห์ของเขา “อู๋-เอกพล ดีบุญมี ณ ชุมแพ” 1 ใน 50 หนุ่มโสดในฝันคลีโอ 2016 และเริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการบันเทิงให้เห็นผู้คนได้เริ่มเห็นกันบ้าง
หลายคนอาจจะเคยเห็นได้จากรายการต่างๆ รวมไปถึงกระทู้ “พ่อค้าแซ่บ” ตามเว็บไซต์หลายๆแห่ง ด้วยหน้าตาที่มีความเป็นเกาหลีอยู่เบาๆและรอยยิ้มทรงเสน่ห์ แต่รู้ไหมว่านอกจากการทำกาแฟแล้ว เขายังมีความสามารถทางการแสดงที่เป็นที่น่าจับตามองในอนาคตอีกด้วย
เมื่อมีโอกาสได้เจอกับเขาเลยต้องรีบชวนเขามานั่งคุยถึงเรื่องราวมากมายที่อยากรู้กันเลยทีเดียว
“ผมเป็นเด็กขอนแก่นครับ เรียนจบม.6 ที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย ก็เข้ามาอยู่กรุงเทพฯคนเดียว มาเรียนต่อที่คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) บางนา ชีวิตวัยเรียนผมค่อนข้างเป็นเด็กกิจกรรมพอตัวครับ มีกิจกรรมอะไรของมหาลัยที่มีเวลาและสามารถเข้าร่วมได้ผมมักจะไม่ค่อยพลาด เลยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนมีเพื่อนค่อนข้างเยอะครับ”
“ผมเริ่มทำงานวงการบันเทิงจากการแคสติ้งโฆษณาอยู่ช่วงหนึ่งตอนประมาณปี1-2 ครับ หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าอยากจะทุ่มเทให้กับการเรียนให้เต็มที่เลยหยุดไปช่วงหนึ่ง พอเรียนจบก็รู้สึกว่าตัวเองพร้อมแล้วเลยเริ่มกลับมาตั้งต้นใหม่อีกครั้ง”
อีกทั้งพอเรียนจบช่วงนั้นเพื่อนๆคิดจะทำร้านกาแฟกัน ผมเองก็เป็นคนที่ชอบหากาแฟดีๆดื่มอยู่เป็นประจำ แล้วก็เคยไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟอยู่ช่วงหนึ่งพอร้านเปิดก็เลยมาเป็นบาริสต้ารับผิดชอบทำกาแฟให้ที่ร้านครับ
หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้เลือกและเข้ารอบ 50 หนุ่มโสดในฝันคลีโอปี 2016 นี่ก็ยังงงๆอยู่เลยครับ (หัวเราะ) คือตอนแรกพี่ที่ผมรู้จักเรียกให้เข้าไปสัมภาษณ์ที่นิตยสาร คลีโอวันนั้นจำได้เลยครับว่าตื่นเต้นมาก จนหลังจากนั้นไป 2 เดือนพี่ที่ดูแลก็มาบอกว่าเข้ารอบแล้วนะ เดี๋ยวจะมีนัดถ่ายรูป ตอนนั้นในใจผมนี่เต้นไม่เป็นจังหวะเลยครับ ดีใจแล้วก็ตื่นเต้นมาก (หัวเราะ) รู้สึกเหมือนเป็นผลงานแรกของผมเลยนะ
ตอนนี้ผมก็กำลังตั้งใจในเรื่องการเรียนการแสดงอยู่ครับ รู้สึกว่าตัวผมเองยังต้องพัฒนาอีกเยอะเลยตัดสินใจเรียนการแสดงและก็ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นมากจริงๆครับ ทั้งมุมมองการใช้ชีวิต หรือทักษะทางการแสดงที่จะเอาไปใช้ในอนาคตข้างหน้าผมมีนักแสดงที่ชื่นชอบหลายคนเลยครับ
เพราะแต่ละคนมีเอกลักษณ์ทางการแสดงแตกต่างกันอยู่พอสมควรเลย ผมก็พยายามเรียนรู้ดูการแสดงของพวกเขาแล้วลองมาปรับให้เข้ากับตัวผมเองแล้วก็หลักๆผมชอบพี่อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง เป็นแบบอย่างของนักแสดงที่สามารถเล่นได้ทุกบทบาท และเป็นผู้กำกับที่เก่งมากๆคนหนึ่งเลยครับ”
“พอผมเริ่มเรียนการแสดงครูที่สอนผมก็มีแนะนำผมให้ลองไปเข้าฉากในละครเรื่อง “โสดสตอรี่” ของช่อง one ครับ
ไปเริ่มเป็นนักแสดงรับเชิญบ้าง ถือว่าเก็บประสบการณ์เยอะเลยครับ ผมมองว่าต้องไม่ละกับโอกาสทุกโอกาสที่เข้ามาให้ดีที่สุด ตั้งใจกับทุกบทบาทที่มีคนมอบให้ครับ พี่ๆทุกคนในกองก็เป็นกันเองมาก และคอยสอนเทคนิคให้กับผม อย่างพี่โดนัท-มนัสนัน ก็คอยแนะนำให้ผมครับ”
“อีกอย่างส่วนตัวผมค่อนข้างเข้ากับคนง่ายครับ พูดไม่หยุดเลยก็ว่าได้ (หัวเราะ) ง่ายๆครับอะไรก็ได้ไม่ค่อยเรื่องมากเท่าไร ยิ้มง่ายครับรู้สึกว่าเวลายิ้มแล้วทำให้ตัวเองอารมณ์ดี เวลามีอะไรเครียดๆเข้ามาก็จะพยายามยิ้มกับตัวเองตลอด อีกอย่างผมเป็นคนชอบกาแฟมากครับ เปรียบตัวเองเป็นกาแฟก็ยังได้เลย มีทั้งความหอมน่าหลงใหล และรสชาติที่ขมแต่น่าลิ้มลอง (หัวเราะ)
ตอนนี้นอกจากเป็นบาริสต้าอยู่ที่ The maze โครงการในทองหล่อ ซอย 4 แล้ว ผมก็ยังแคสติ้งงานอยู่ครับเพราะการแสดงคือสิ่งที่ผมรัก และเป็นความฝันของผมตั้งแต่เด็กเลยก็ว่าได้
ถามว่ายากและท้อไหม มันก็มีช่วงเวลานั้นเป็นระยะๆเหมือนกัน แต่ผมก็มีพี่ๆที่คอยให้กำลังใจ ครูสอนการแสดงที่คอยชี้แนะอยู่ตลอดเวลา รวมถึงเพื่อนๆที่ผ่านการเคี่ยวเข็ญจากคลาสเรียนมาด้วยกัน ผมยังต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆครับ การแสดงผมมองว่ามันไม่หยุดอยู่กับที่ และเมื่อมีโอกาสเข้ามาก็ต้องทำให้มันให้ดีที่สุด
ถ้าหากถามว่าไม่ได้เล่นละครหรือหนังจะไปทำอะไรต่อจากนี้ ผมก็ยังคิดว่าผมจะได้เล่นละคร และหนังต่อไปเรื่อยๆนะครับ (หัวเราะ) อะไรที่เป็นฝันและพยายามอย่างเต็มที่ผมว่าสักวันมันต้องเป็นของผมนะครับ
อย่างโฆษณาที่ผ่านมาของผมก็จะเป็นโฆษณารถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ กับ ถ่ายภาพนิ่งเครื่องดื่มชาเขียวยี่ห้อหนึ่งอย่าง อิชิตันครับ น่าจะมีให้ชมกันอยู่นะครับ
ถามว่าพอเข้ามาในวงการบันเทิงชีวิตเปลี่ยนไปไหม ? ส่วนตัวผมก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมครับแม้ว่าจะเริ่มเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงแล้วก็ตาม มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเปลี่ยนการใช้ชีวิตของตัวเองเลย อาจจะมีคนรู้จักเราเพิ่มขึ้น ผมว่าก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะทักทายคนอื่นที่เข้ามาหาเรา ก็อาจจะมีบ้างในเรื่องของการเตรียมตัวเวลาต้องไปทำงาน วันไหนต้องนอนเร็วตื่นเช้าอะไรประมาณนี้ครับ
“ส่วนเวลาไหนรู้สึกท้อหรือไฟเริ่มหมด ผมจะชอบอ่านประโยคของฝรั่ง หรือของไทยที่เป็นแนวสร้างกำลังใจหรือให้ข้อคิดดีๆ เอามันมาเป็นสิ่งกระตุ้นตัวเองให้มีแรงทำทุกๆวันให้ดีที่สุดครับ”
“ถ้าถามว่าสังคมไทยกับวงการบันเทิงเป็นของคู่กันมั้ย ผมว่าวงการบันเทิงเป็นของคู่กันของทุกสังคมทั่วโลกนะครับ คนเราเมื่อเครียดก็ต้องหาสิ่งบันเทิงเพื่อผ่อนคลายให้ตัวเอง ละคร หนัง ดนตรี ก็เป็นสิ่งเยียวยาอย่างดีสร้างความบันเทิงให้ผู้คนมากมาย อย่างไรสังคมไทยก็ขาดวงการบันเทิงไม่ได้ครับ อยู่ที่ว่าคนๆนั้น จะเลือกเสพสื่อบันเทิงในรูปแบบไหนให้เหมาะสมกับตัวเองด้วย”
“ผลงานล่าสุดตอนนี้ก็ฝากทุกคนติดตามกิจกรรมของ 50 หนุ่มโสดคลีโอ ปี 2016 ด้วยนะครับ อีกไม่นานก็จะประกาศผลให้ทราบกันแล้ว ฝากเป็นกำลังใจและคอยเชียร์ผมด้วยนะครับ”
