หนุ่มสองเพศ เมืองลำปาง รับ กินฮอร์โมนจริง แต่ก็มีอวัยวะเพศชายด้วย

หนุ่มสองเพศ เมืองลำปาง รับ กินฮอร์โมนจริง แต่ก็มีอวัยวะเพศชายด้วย พ่อแม่ และน้องสาว ยืนยัน เป็นหญิงมาตั้งแต่กำเนิด เผย ลูกอยากเป็นชายมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย แต่ทางบ้านไม่สนับสนุน


สืบเนื่องจากกรณีที่ นายกฤตภัค ดวงไชย อายุ 30 ปี ชาวลำปาง ที่มีทั้งอวัยวะเพศชาย และอวัยวะเพศหญิง อยู่ในร่างเดียวกัน ต้องการจะบวชเป็นพระ จึงวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือผ่าตัดเพศหญิงออก หลังจากได้ขอเปลี่ยนคำนำหน้าจาก นางสาว เป็น นาย กระทั่งในเวลาต่อมา นพ.ทรงวุฒิ ทรัพย์ทวีสิน ผอ.โรงพยาบาลลำปาง ได้ออกมาเผยว่า นายกฤตภัค มีโครโมโซมเพศหญิง และเคยมีประวัติการทำศัลยกรรมหน้าอก โดยการตัดออก และคาดว่าได้กินฮอร์โมนจนร่างกายเปลี่ยนแปลงนั้น

ล่าสุด วันนี้ (12 ตุลาคม) เมื่อผู้สื่อข่าวไปที่บ้านของ นายกฤตภัค โดยได้พูดคุยกับบิดา คือ ร.ต.ต.ประจญ และนางเพ็ญศรี ดวงไชย มารดา และนางสาวศุภทิพย์ ดวงไชย น้องสาว วัย 22 ปี ซึ่งทุกคนในครอบครัวยังยืนยันตรงกันว่า นายกฤตภัคเป็นผู้หญิงตั้งแต่ กำเนิด โดยมีอวัยวะเป็นหญิงมาตลอด จนเมื่อเข้าเรียนชั้น ม.5-6 นายกฤตภัคได้แสดงออกว่าอยากเป็นผู้ชาย ซึ่งทางบ้านไม่เห็นด้วย และไม่เคยสนับสนุน กระทั่งเรียนจบ นายกฤตภัคได้ไปเรียนที่อื่น และไม่เคยปรึกษาอะไรอีกเลย โดยในเวลาต่อมา นายกฤตภัคได้ไปตัดเต้านมออก เมื่อตัดเสร็จจึงแจ้งให้ทราบ ทั้งนี้ ทางครอบครัวยืนยันว่า ลูกเป็นผู้หญิงแน่นอน แต่เพราะลูกต้องการเป็นผู้ชายทางบ้านจึงไม่ให้การช่วยเหลือใด ๆ

และในวันเดียวกัน นายกฤตภัค ได้ออกมาเปิดใจว่า ที่ผ่านมาตนได้กินฮอร์โมนเพศชายติดต่อกันมาเกือบ 10 ปี คือ ตั้งแต่อายุได้ 20 ปี เมื่อเสียงเปลี่ยนก็หยุดกิน แต่เสียงก็ยังใหญ่ และทุ้มเหมือนเดิม แต่ตนอึดอัดกับการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะอนาคตตนก็จะต้องแต่งงานมีครอบครัว และต้องการบวช จึงต้องการเปลี่ยนอวัยวะเพศเป็นชาย แต่เพราะมีค่าใช้จ่ายสูงจึงได้ขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานต่าง ๆ และผ่านสื่อมวลชน เพื่อขอผู้ใจบุญช่วยเหลือบริจาคเงินในการผ่าตัดเอาอวัยวะเพศหญิงออก เนื่องจากตนเองมีสองเพศในร่างเดียว และทั้งสองเพศทำงานได้อย่างสมบูรณ์

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รายงานเพิ่มเติมว่า นายกฤตภัค ยังคงยืนยันว่า มีอวัยวะชายเพศชายโผล่ออกมาจริง แต่มีขนาดเล็กเท่าของเด็ก และเคยซื้อยาทาเพื่อเพิ่มขนาดแต่ก็ไม่ได้ผล

ด้านนายแพทย์บรรเจิด นนทสูติ นพ.ชำนาญการพิเศษด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำปาง กล่าวว่า กรณี ที่แพทย์ระบุในใบรับรองแพทย์ว่า นายกฤตภัค มีอวัยวะกำกวม ในทางการแพทย์แยกเป็น 2 ลักษณะ คือ กำกวมมาแต่กำเนิด และกำกวมภายหลัง ซึ่งกรณีนี้เป็นกำกวมภายหลัง เนื่องจากได้รับสิ่งอื่นเข้าไปกระตุ้น คือกินฮอร์โมนเพศชายติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงไปได้

ขอบคุณ www.kapook.com

ป้ายกำกับ:

เรื่องน่าสนใจ