สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 26 มกราคม องค์การอนามัยโลก(ฮู) เปิดเผยว่า “ไวรัสซิกา” ที่มียุงเป็นพาหะนั้นอาจแพร่กระจายไปทุกประเทศในทวีปอเมริกา ยกเว้นประเทศแคนาดาและประเทศชิลี โดยการแพร่ระบาดของไวรัสซิกานั้นยังไม่มีการรายงานจากในประเทศสหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะมีหญิงรายหนึ่งที่ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวในบราซิลและคลอดลูกซึ่งมีศีรษะเล็กผิดปกติในมลรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา
นางทรูดี้ แลง ศาสตราจารย์ด้านสาธารณสุขโลกประจำมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ไวรัสซิกาว่า ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคหรือวัคซีนแต่อย่างใด ทำให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเสมือนเดจาวูของเชื้ออีโบล่า พร้อมเสริมว่า “มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะพัฒนายารักษาโรคให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ไวรัสซิกานี้มีความเชื่อมโยงต่อภาวะศีรษะเล็กที่เกิดขึ้นในเด็กหลายพันคนในประเทศบราซิล ซึ่งฮูรายงานว่าเมื่อวันที่ 22 มกราคมว่า ขณะนี้มีทารกที่มีภาวะศีรษะเล็ก 3,893 ราย ถือว่าสูงกว่าปกติ 30 เท่า และในจำนวนดังกล่าวมีทารกเสียชีวิตแล้ว 49 ราย
ขณะที่รัฐบาลบราซิลประกาศสั่งให้ทหารมากกว่า 200,000 นาย กระจายไปตามบ้านเรือนต่างๆ เพื่อดำเนินมาตรการต่อสู้ภัยไวรัสซิกา โดยนายมาร์เชโล่ คาสโตร รัฐมนตรีสาธารณสุขบราซิลระบุว่าจะใช้สวัสดิการสังคมเพื่อแจกจ่ายยาไล่ยุงให้แก่หญิงตั้งครรภ์อย่างน้อย 400,000 คน
รัฐบาลประเทศเอลซัลวาดอร์ที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสซิกา 5,397 ราย ประกาศเตือนให้ผู้หญิงอย่าพยายามตั้งครรภ์ในช่วง 2 ปีต่อจากนี้ เนื่องจากหวั่นเกรงต่อเชื้อที่ลุกลามในละตินอเมริกาและแถบทะเลคาริบเบียน โดยการทำแท้งในประเทศเอลซัลวาดอร์นั้นผิดกฎหมายทุกกรณีและการลงโทษนั้นอาจสูงถึงจำคุก 40 ปี
นางลอร่า โรดริเกซ จากวิทยาลัยสุขอนามัยและแพทยศาสตร์เขตร้อนแห่งลอนดอน กล่าวว่ามีโอกาสที่โรคซิกาอาจวิวัฒนาการได้ และหากการแพร่ระบาดยังคงดำเนินไปในช่วงเดือนสิงหาคมอันเป็นช่วงที่บราซิลจัดงานกีฬาโอลิมปิกในเมืองริโอเดอจาเนโร หญิงตั้งครรภ์ควรอยู่ให้ห่างจากยุงหรือระมัดระวังไม่ให้ยุงกัด