นายแพทย์นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันเอดส์โลก 1 ธันวาคมที่ผ่านมา องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ในฐานะองค์กรหลักในการวิจัยและพัฒนา ผลิตและกระจายยาต้านไวรัสเอดส์ได้ทำหน้าที่สร้างการเข้าถึงยาต้านไวรัสเอดส์ด้วยดีมาอย่างต่อเนื่องกว่า 25 ปี
จากจุดเริ่มต้นวิจัยและพัฒนายาสามัญต้านไวรัสเอชไอวี/เอดส์ขึ้น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 โดยความสำเร็จแรกเป็นยาเดี่ยว คือยาแคปซูล Zidovudine 100 mg สำหรับป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก และ ยา Zidovudine นี้ได้เป็นส่วนสำคัญทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชีย และประเทศที่ 2 ของโลกที่ยุติการติดเชื้อไวรัส เอชไอวีจากแม่สู่ลูกสำเร็จ
สำหรับในปี 2559 องค์การฯ ได้ผลิตยาต้านไวรัสเอดส์กว่า 22 รายการสร้างการเข้าถึงยาให้กับกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์ในระบบหลักประกันสุขภาพ กว่า 350,000 ราย ทำให้ผู้ติดเชื้อ และผู้ป่วยเอดส์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และจากการดำเนินการผลิต และจัดหารายการยาต้านไวรัสเอดส์ที่สำคัญทำให้ในปี 2559สามารถช่วยรัฐช่วยประหยัดค่ายาต้านไวรัสเอดส์ ได้ถึง 1,500 ล้านบาท
ผู้อำนวยการ กล่าวต่อว่า ด้านดำเนินงานเพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่นั้น ได้มีการวิจัยที่สำคัญพบว่า การกินยาต้านไวรัสเพื่อการป้องกัน Pre-Exposure Prophylaxis หรือที่เรียกกันโดยย่อว่า PrEP (เพร็พ) เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี
โดยการกินยาต้านไวรัสทุกวันก่อนสัมผัสเชื้อ ร่วมกับมาตรการป้องกันอื่นๆ จะมีประสิทธิผลทำให้ลดอัตราการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเอชไอวีในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง
การให้ยาเพร็พ เพื่อให้ผู้ที่มีความเสี่ยงได้รับยาในร่างกาย และเนื้อเยื่อต่างๆ ในปริมาณที่เพียงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีจากการสัมผัสดังกล่าว ความสม่ำเสมอในการกินยาเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด สำหรับประสิทธิผลของยาเพร็พโดยพบประสิทธิผลสูงได้ถึง 92% หากมีการกินยาอย่างสม่ำเสมอ สำหรับยาเพร็พ ที่องค์การอนามัยโลก (WHO)ให้ แนวทางการตรวจรักษา และป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี
ในประเทศไทย ได้แนะนำให้ใช้ในปัจจุบัน คือ ยาเม็ดรวม Tenofovir DF/Emtricitabine (TDF/FTC) ขนาด 300/200 มิลลิกรัม โดยรับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง
ผู้อำนวยการ กล่าวต่อว่า ยาเพร็พ หรือ ยาTenofovir DF/Emtricitabine 300/200 mg ที่ผลิตและจำหน่ายโดย องค์การเภสัชกรรมได้ทำการวิจัย และทำการศึกษาชีวสมมูล (Bioequivalence) ในอาสาสมัครสุขภาพดี ณ ศูนย์วิจัยทางคลินิก กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
โดยเปรียบเทียบอัตราการดูดซึมและปริมาณยาที่ถูกดูดซึมระหว่างยาเม็ด Tenofovir DF/Emtricitabine 300/200 mg กับยาต้นแบบพบว่ามีความเท่าเทียมกันทางด้านผลการรักษา (Therapeutic equivalence) โดยองค์การเภสัชกรรมได้ผลิต และกระจายยาดังกล่าวไปยังหน่วยบริการต่างๆ แล้ว
เช่น คลินิคนิรนาม ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลและสถานพยาบาลภาครัฐ อาทิ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา เป็นต้น