หลายท่านคงเจอปัญหาและต่อสู้กับภาษาอังกฤษกันมานาน จ่ายเงินเข้าคอร์สกันก็ไม่น้อย แต่ก็ยังเอาชนะภาษาอังกฤษนี้ไม่ได้สักที เรามีทางออกให้…
“วิธีสอบ TOEIC ให้เกิน 800 โดยไม่ต้องเข้าคอร์สให้เสียตังค์” บทความใน kongwiz.com โดย คุณศุภรัตน์ วิรัตนพรกุล
*บทความนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ เกิดเมืองไทย เรียนแต่โรงเรียนไทย เรียนแต่มหาวิทยาลัยไทย ทำงานแต่บริษัทไทย รู้จักแต่คนไทย ไม่ค่อยมีตังไปเข้าคอร์ส แต่ต้องการคะแนน TOEIC สูงพอที่จะเป็นประโยชน์แก่การสมัครงาน แต่บทความนี้ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการผลคะแนนภายในเวลาสั้นๆ เช่น เคยสอบได้ 500 แต่อยากได้ 800 ภายในเดือนเดียว
ขอเกริ่นก่อนว่า
ตัวผมเองไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษอะไรมากมาย และก็มีคุณสมบัติข้างต้นเกือบหมด และที่เขียนว่า 800 เพราะเป็นคะแนนที่ผมคิดว่ามากพอในการช่วยให้หลายๆ คนบรรลุจุดมุ่งหมายของตัวเองได้
ตั้งแต่เด็กผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ชอบวิชาภาษาอังกฤษเท่าไหร่ โดยเฉพาะ Grammar เกลียดมาก คะแนนอังกฤษตอนเอ็นทรานซ์ก็ไม่สู้ดีนัก แต่จุดเปลี่ยนคือได้เจอ อ.ฝรั่ง สมัยเรียน ป.ตรี บวกกับตัวเองเป็นคนไม่กลัวที่จะพูดกับฝรั่ง (ถึงแม้จะพูดผิดพูดถูกไปเรื่อยก็ตาม) เลยรู้สึกตั้งแต่นั้นว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่อะไรที่น่าเบื่อเหมือนเมื่อก่อน เพราะ อ. แกจะสอนแบบง่ายๆ Grammar หลวมๆ เน้นเจอบ่อยๆ แล้วฝังเข้าหัวเอง ไม่ใช่มานั่งท่อง ต่อมาพอจะต้องเรียนภาษาอังกฤษ ผมก็มักจะเลือกเรียนกับ อ.ฝรั่ง เท่านั้น (คงเพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาเจอแต่ อ.ไทย บ้า Grammar)
ทัศนคติเลยเปลี่ยนไปนับตั้งแต่ตอนนั้น
แต่การเรียนในห้องอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ นึกดูว่า 3 หน่วยกิต หนึ่งสัปดาห์ 3 ช.ม. ไม่น่าจะทำให้เราเก่งขึ้นมาได้ ผมก็เลยเริ่มทำอะไรที่ต่างจากชาวบ้าน ในช่วงนั้น แฮรรี่ พอตเตอร์ ฮิตมาก แทนที่ผมจะไปอ่านฉบับภาษาไทยที่คนส่วนใหญ่เค้าอ่านกัน ผมก็เลือกซื้อเล่มภาษาอังกฤษมา เจอศัพท์ที่ไม่รู้เต็มไปหมด เปิดดิกเป็นว่าเล่น แต่ไม่เบื่อ เพราะอ่านแล้วสนุก เลยยอมทนเปิด เพราะถ้าเราไม่รู้ความหมาย ก็จะไม่เข้าใจเนื่อเรื่อง ก็เลยทำให้เราอดทนกับ “Reading” ได้มากขึ้น
และหลังจากนั้น พอมีหนังสือที่น่าสนใจ ผมก็มักจะเลือกเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษมาอ่านเสมอ (ถึงแม้จะแพงกว่าก็ตาม) ยิ่งช่วงหลังมี iPad กับ Kindle ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ ดิกก็ไม่ต้องเปิด ใช้จิ้มดูความหมายศัพท์กันตรงนั้นเลย
และผลจากการเปลี่ยนพฤติกรรมการอ่านหนังสือของตัวเอง ย้ำ! ผมเปลี่ยนพฤติกรรม > พยายาม เพราะความพยายามทำให้เราเหนื่อย แต่พฤติกรรมจะทำให้เราเคยชิน และเมื่อผมเคยชินกับการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษแล้ว Reading Paragraph ในข้อสอบก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป แถมทำได้เร็วขึ้นมาก เพราะจับใจความได้เร็ว
Listening Skill
สำหรับเด็กไทยผมว่านี่เป็นปัญหาใหญ่ยิ่งกว่า Reading แต่ข่าวดีคือถ้าคุณผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ Listening จะง่ายกว่า Reading และช่วยต่อยอดการ Speaking ไปในตัวเลย
คำแนะนำของคนส่วนใหญ่คือ การดูหนังฝรั่ง แต่ปัญหาคือ ถ้าคุณดูหนัง soundtrack แต่เปิด sub thai คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่ฝรั่งพูดคือ คำว่าอะไร และหลายๆ ครั้ง มันแปลไม่ตรงตัวเสียด้วยสิ
ไม่เป็นไร เรามีตัวช่วย
KMPlayer เป็นโปรแกรมฟรีที่ดูหนังที่สามารถเปิด 2 subtitles ได้ในเวลาเดียวกัน ทำให้คุณสามารถจำ accent ของฝรั่งได้จาก sub eng และรู้ความหมายของสิ่งที่เค้าพูดได้จาก sub thai (แต่การติดตั้ง KMPlayer โปรดระวัง baidu นะเออ อย่าเอาแต่ Next ๆๆๆๆ)
นอกจากนี้ในยุคปัจจุบันเราก็ยังมีตัวช่วยอีกมากมายซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้เราเก่งภาษามากขึ้น แต่ยังทำให้เรา “เก่งทางความคิด” มากขึ้นด้วย
สิ่งนั้นคือ TED Talk
TED Talk เป็นการรวมการ Talk หรือจะเรียกว่าเดี่ยวไมโครโฟนที่มีสาระกว่าโน๊ส อุดม ก็ได้ครับ เพราะคนที่ขึ้นมาพูดนั้นนอกเหนือจากจะมีประสบการณ์และความรู้จริงในสิ่งที่พูดแล้ว ยังมีการนำเสนอที่ไม่น่าเบื่อด้วย โดยคุณสามารถดู TED ได้ทั้งจากหน้าจอคอมและ App บน Mobile เลยครับ
แต่ปัญหาของ TED Talk เวอร์ชั่นปกติคือ เราจะเปิดได้เพียง sub เดียว ซึ่งก็ไม่เป็นไร เพราะเรามีทางเลือกที่จะทำให้เราเปิด 2 sub ได้ นั่นคือ TEDiSUB
ซึ่งหลังจากที่คุณดูและฟังทั้งหนังและ TED Talk ไปซักพัก ผมการันตีว่าการฟังคุณจะพัฒนาขึ้นอย่างมาก และผมจะบอกว่า Listening ในข้อสอบง่ายกว่าในหนังและ TED Talk มาก
ได้เวลาเตรียมสอบ
ก่อนสอบผมก็จะไปหาซื้อหนังสือซักเล่มเพื่อดูว่าแนวข้อสอบเป็นอย่างไร และถ้าเราฝึกทำข้อสอบก็จะทำให้เรารู้จุดบกพร่องของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นผมไปหยิบเล่มนี้มาครับ
เล่มไม่หนา ใช้เวลาเตรียมตัวก่อนสอบได้ในสองสัปดาห์ ข้างในจะมีเนื้อหาที่จำเป็นเพียงพอต่อการทำข้อสอบครับ ซึ่งหนังสือเหล่านี้ส่วนใหญ่คล้ายๆ กัน ขึ้นกับว่าเราเชื่อใจคนเฉลยมากแค่ไหนเท่านั้น
และแล้วผมก็ไปสอบ
โดยสอบได้เกิน 800 ในครั้งเดียว (ประหยัดค่าสอบไหมล่ะ) ซึ่งเพียงพอต่อการนำไปใช้ประโยชน์ของผม ณ เวลานั้นแล้ว
สิ่งที่ผมอยากจะเน้นก่อนจบบทความคือ “ไม่ต้องออกแรงพยายามมาก แต่ให้ค่อยๆ เปลี่ยนพฤติกรรม ให้ไปโยงกับสิ่งที่เรารู้สึกสบายกับมัน” อย่างของผมก็คือ หนังสือที่ชอบ หนังที่ชอบ และ TED Talk และสิ่งที่ได้กลับมาจะมากกว่าแค่ใบผลสอบคะแนน TOEIC อีกด้วยครับ
ขอขอบคุณ kongwiz