แพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมและนายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า ห่วงวงการศัลยกรรมไทยเสียหาย ชี้เกาหลีรุกหนักเปิดบริษัทจัดเอเยนซีพาแพทย์รุ่นใหม่เข้าคอร์สสอนการทำ ศัลยกรรมซึ่งแพทยสภาของไทยไม่ได้รับรอง เตือนแพทย์รุ่นใหม่อย่าหลงเชื่อตามกระแส ทั้งเสียเงินฟรี สร้างปัญหาใหญ่ให้กับวงการศัลยกรรมไทยในอนาคต
นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมของไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบัน มีกลุ่มเอเยนซีในรูปของบริษัทข้ามชาติจากประเทศเกาหลีจำนวนมากเข้ามาเปิดใน ประเทศไทย เพื่อจัดทำทัวร์พาผู้ที่สนใจเดินทางไปทำศัลยกรรมเกาหลีที่ประเทศเกาหลี ขณะเดียวกันยังได้จัดทำทัวร์ให้กับบรรดาแพทย์รุ่นใหม่ที่ต้องการไปศึกษา เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมเทรนด์เกาหลีอีกโดยใช้ชื่อว่า โครงการแพทย์และสัมมนา หรืออบรมสัมมนาวิธีศัลยกรรมต่างๆ โดยจัดทำเป็นคอร์สให้เลือกได้ตามที่ต้องการ ซึ่งพบว่ามีแพทย์ไทยรุ่นใหม่จำนวนมาก ให้ความสนใจเดินทางไปศึกษาเพิ่มเติม โดยมีระยะเวลาการอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการประมาณ 3-7 วัน จากนั้นยังได้มีการมอบประกาศนียบัตร อีกด้วย
“ แพทย์ส่วนใหญ่ที่เดินทางไปอบรมสัมมนาจะเป็นแพทย์รุ่นใหม่ที่จบแพทย์ทั่วไป (General Practitioner) ไม่ใช่แพทย์เฉพาะทางจึงต้องการมีความรู้เพิ่มเติม นอกจากนี้ยังพบว่าเป็นเจ้าของคลินิกเกี่ยวกับผิวพรรณ ความงามเป็นส่วนใหญ่ แต่ต้องการขยายการให้บริการด้านศัลยกรรม เสริมจมูก ทำตาสองชั้นเพิ่ม เนื่องจากตลาดศัลยกรรมกำลังโต และเทรนด์ศัลยกรรมเกาหลีกำลังมาเเรงอย่างมากในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน ศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า ผมได้ศึกษาข้อมูลและพบว่า การจัดทัวร์ให้แพทย์ส่วนใหญ่ ไม่ได้มาตรฐาน เพราะเป็นการพาไปศึกษาตามคลินิกเอกชนต่างๆ ไม่ใช่การศึกษาในสถาบันการศึกษา ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้การรับรอง จึงไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาใดๆทั้งสิ้น และจะสร้างผลเสียในอนาคตต่อวงการศัลยกรรมไทยอย่างแน่นอน” นพ.ชลธิศ กล่าว
นพ.ชลธิศ กล่าวด้วยว่า การทำศัลยกรรมนอกจากต้องศึกษาตามหลักวิชาการที่ถูกต้องแล้ว ยังต้องใช้เวลาฝึกปรือฝีมือ และเพิ่มพูนประสบการณ์เป็นเวลานาน เช่น ตนเองยังใช้เวลาเป็นสิบๆ ปีกว่าจะเป็นยอมรับอย่างในปัจจุบัน
“ผมอยากให้น้องๆ แพทย์รุ่นใหม่ที่สนใจอยากทำศัลยกรรมจริงๆ ประการแรกควรศึกษาให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ โดยเข้าฝึกอบรมในระดับบอร์ดที่เกี่ยวข้องกับงานศัลยกรรม ใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากพอ ก่อนที่จะคิดเรื่องการทำธุรกิจ เพราะความเสียหายไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะผู้บริโภค หรือธุรกิจเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อภาพรวมของประเทศไทยอีกด้วย” นพ.ชลธิศ กล่าว
ขอบคุณที่มา www.manager.co.th