กลุ่มสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนแห่งซีเรีย ซึ่งมีที่ทำการในอังกฤษระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 53 คน จากการโจมตีทางอากาศของกองทัพรัฐบาลซีเรียในพื้นที่ควบคุมของฝ่ายกบฎในเมืองอะเลปโปทางภาคเหนือประเทศในช่วงวันพุธและพฤหัสบดีที่ผ่านมา แต่โฆษกหน่วยกู้ภัยในพื้นที่ฝ่ายกบฎระบุว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 60 คน ซึ่งเป็นพลเรือนทั้งหมด และเป็นเด็ก 15 คน โดยกองทัพรัฐบาลซีเรียโจมตีทางอากาศอย่างน้อย 2 ครั้งด้วยเครื่องบินรบ และด้วยการทิ้งระเบิดถังน้ำมันลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ใส่ตลาดในเมือง
กองทัพรัฐบาลซีเรียถล่มทางอากาศเมืองอะเลปโป หลังจากฝ่ายกบฎกระหน่ำยิงพื้นที่ควบคุมของฝ่ายรัฐบาลทางด้านตะวันตกของเมืองอะเลปโป ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 38 คน เป็นเด็กถึง 18 คนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ในการโจมตีทางอากาศเมืองอะเลปโปของกองทัพซีเรีย ขีปนาวุธได้ไปถูกหญิงตั้งครรภ์ผู้หนึ่ง ทะลุท้อง ทำให้แพทย์ต้องรีบผ่าตัดทำคลอดเพื่อช่วยชีวิตแม่และลูกท่ามกลางการขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยต้องเรียกสูตินรีแพทย์จากอีกโรงพยาบาลหนึ่งมาทำการผ่าตัด การผ่าตัดดำเนินไปนานราว 1 ชั่วโมงครึ่ง และนำทารกออกมาจากท้องแม่ได้สำเร็จ แต่พบว่า ที่หน้าผากของเด็กมีเศษกระสุนฝังอยู่ แพทย์จึงดึงออกมา โดยทั้งแม่และลูกปลอดภัยท่ามกลางความดีใจของคณะแพทย์ ซึ่งช่วยกันตั้งชื่อทารกหญิงผู้นี้ว่า อะมาล อันมีความหมายว่า ความหวังในภาษาอาหรับ
แพทย์ระบุด้วยว่า หญิงคนดังกล่าวยังมีลูกอีก 3 คน โดยทั้งหมดได้รับบาดเจ็บจากการโจมตี แต่แพทย์ได้รักษาดูแลจนปลอดภัยแล้ว สงครามกลางเมืองในซีเรียยืดเยื้อมานาน 4 ปี คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วราว 2.5 แสนคน และประชาชนกว่า 11 ล้านคนต้องละทิ้งที่อยู่อาศัย โดยในจำนวนนี้มี 7.6 ล้านคน ต้องโยกย้ายถิ่นฐานในประเทศ ส่วนที่เหลืออพยพไปอยู่ในต่างประเทศ
