เนื้อหาโดย Dodeden.com

แน่นอนค่ะว่าฤดูกาลเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลกับผิวคุณ ยิ่งช่วงหน้าร้อน ศัตรูตัวฉกาจต่อผิวนั้นมีมากมาย ทั้งรังสี UVA และ UVB รวมไปถึงอีกหลายๆ อย่างที่ เป็นตัวการหลักทําให้ผิวหนังของเราผลิตเมลานินหรือเม็ดสีผิวขึ้นมาเพื่อปกป้องผิว และเพิ่มขึ้นจนทําให้ผิวพรรณแลดูเป็นสีดําคล้ำ และยังเป็นเหตุให้ผิวมีร่องลึก เหี่ยว ย่น แลดูแก่กว่าวัยอีกด้วย รวมไปถึงอีกหลายๆ อย่างที่แสงแดดเป็นตัวต้นเหตุทั้งสิ้น

เกิดอะไรขึ้นกับผิวหลังหากโดนแดดมาก ๆ
ซึ่งสภาพอากาศและแสงแดดบ้านเรานั้นถือว่าค่อนข้างหนักหนาเอาการ นอกจากแสงแดดจะเป็นตัวกระตุ้นแล้ว ความร้อนก็ยังทําให้ร่างกายขับเหงื่อออกมามากขึ้น และอีกไม่นานประเทศไทยก็จะเข้าสู่ช่วงสงกรานต์ ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเล่นน้ำ ปะแป้ง ก็ต้องยอมรับว่าน้ำและแป้งที่คนไทยใช้ในช่วงนี้นั้น บางส่วนไม่สะอาด รวมถึงแป้งดินสอพองที่ส่วนผสมบางอย่างอาจไม่ได้มาตรฐาน เป็นเหตุให้สาวๆ ที่เล่นสนุกจนเพลินเป็นเวลานานๆ หรือเล่นตลอดทั้งวัน เกิดการหมักหมมในจุดต่างๆ เกิดการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรียในจุดซ่อนเร้น ทําให้เกิดผด ผื่น แพ้ คันบนผิวหนังได้ และอีกปัญหาหนึ่งที่มักจะมองข้ามในช่วงเทศกาล ก็คือการดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงทั้งหลาย เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายแล้วจะไปดูดน้ำในร่างกาย ซึ่งก็เป็นเหตุให้ร่างกายเราขาดน้ำจนผิวดูเหี่ยวแห้งเร็วยิ่งขึ้นไปอย่างไม่รู้ตัวอีกด้วยค่ะ

ผิวคล้ำเสีย ผิวไหม้แดด
สองอย่างนี้เกิดได้กับคนที่เที่ยวทะเล นอนอาบแดดหรือมีไลฟ์สไตล์กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ แต่จะสังเกตอย่างไรว่าผิวเริ่มมีปัญหา วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นที่เราสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็คือ ผิวจะเริ่มดำคล้ำและไหม้ ต่อจากนั้นจะเป็นผลกระทบก็คือผิวจะขาดความชุ่มชื่นและเกิดการอักเสบ ซึ่งแต่ละคนก็คงจะประสบปัญหาที่ต่างกันออกไป เนื่องจากผิวของแต่ละคนแต่ละชนชาติ หรือแต่ละภูมิภาคของโลกก็มีพื้นฐานของผิวพรรณที่แตกต่างกัน

เราขอแนะนําว่าควรหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เหล่านี้เพื่อไม่ให้มันเกิดจะดีกว่า แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้วหรือเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ก็แนะนําให้พบคุณหมอผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวพรรณเพื่อให้คําแนะนําในการรักษาที่ถูกต้องจะดีกว่า อย่าทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ตามโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ เอง เพราะผิวที่มีปัญหาค่อนข้างจะมีความเซนซิทีฟกับสิ่งที่จะมากระทบด้วยปัญหาเล็กๆ อาจลุกลามเป็นปัญหาใหญ่ได้

ในกรณีที่เราโดนแสงแดดทําร้ายจนขึ้นฝ้า หรือขึ้นกระ สิ่งแรกที่ควรแก้ไขคือให้ความชุ่มชื่นกับผิวทั้งจากภายนอกและภายใน เพื่อให้ผิวปรับสภาพมาอยู่ในระดับปกติเสียก่อน หลังจากนั้นเราถึงสามารถที่จะใช้เลเชอร์ในการรักษาฝ้า กระ ได้ แต่อย่างที่บอก ไม่ว่าจะเป็นการทําทรีตเม้นต์หรือใช้ครีมและการรักษาโดยการใช้แสงเลเซอร์ เราควรจะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสมอ เพราะในปัจจุบันมีนวัตกรรมทางการแพทย์ผิวหนังนอกจากจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากมายแล้ว เครื่องมือที่ช่วยในการรักษาก็ทันสมัยมากยิ่งขึ้นค่ะ

 

เรื่องน่าสนใจ