เรียบเรียงข่าวโดย โดดเด่นดอทคอม
ภาพ sukkapab
สิวเสี้ยน ปัญหากวนใจของใครหลายคน มองไกล ๆ ก็คงจะไม่เห็นชัดเท่าไหร่ แต่ถ้าหนุ่มคนไหนมามองหน้าเราใกล้ชิด เรียกว่าเสียความมั่นใจน่าดูเลยนะคะ
ผู้สื่อข่าว เว็บไซต์โดดเด่นดอทคอม ( www.dodeden.com ) รายงานว่า “สิวเสี้ยน” เกิดจากความผิดปกติของเส้นขนอ่อนในรูขุมขน มีการอุดตันรวมตัวกับไขมันในรูขุมขนเห็นเป็นกระจุกเส้นขนดำ ๆ ที่บริเวณจมูก คาง และสองข้างแก้ม ใกล้ปีกจมูก
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดสิวเสี้ยน 1. ฮอร์โมนเพศในร่างกาย ซึ่งมีผลกระตุ้นต่อมไขมัน ให้ทำงานมากขึ้น ผลิตไขมันออกมามาก ส่งเสริมให้เกิดการอุดตันได้ง่ายขึ้น
2. การรบกวนผิวมาก ๆ เช่น การเช็ดถูหน้าแรง ๆ การขัดหรือนวดหน้า ซึ่งการกระทำเช่นนี้จะรบกวนรูขุมขน หรือต่อมไขมัน ทำให้รูขุมขน หรือรากขนนั้นแตก ขนจึงมีสิทธิ์ที่จะคุดอยู่ข้างในได้เพิ่มมากขึ้น กลายเป็นหนามแหลม ๆ
การรักษาสิวเสี้ยน
1. กรดวิตามินเอ : มีคุณสมบัติในการละลายการอุดตันของต่อมไขมัน มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียสิว P.acne จึงป้องกันและทำให้สิวเสี้ยนหลุดออกได้ง่าย
แต่ข้อควรระวังของกรดวิตามินเอ มีการระคายเคืองได้ง่าย อาจทำให้ผิวแห้ง ผิวลอก หน้าแดงได้ จึงควรทากรดวิตามินเอเฉพาะบริเวณจมูก หน้าผาก หรือคางที่มีสิวเสี้ยน แล้วทิ้งไว้ 5-10 นาที หรืออาจทิ้งไว้นานกว่านี้ได้ถ้าไม่มีอาการดังกล่าว
2. Chemical Peeling : เป็นแนวทางการรักษาอีกวิธีหนึ่งกรณีที่กรดวิตามินเอไม่สามารถทำให้หลุดได้หมด โดยใช้สารเคมีพิเศษ เช่น AHA,PHA เพื่อลอกผิวหน้า เปิดรูขุมขนหรือรูสิวเสี้ยน เพื่อง่ายต่อการกดออก หรือดึงออกด้วยครีมคีบสิวเสี้ยน
3. การลอกสิวเสี้ยน : ใช้แผ่นแปะจมูกร่วมกับสารลอกสิวเสี้ยน แปะที่จมูกและทิ้งไว้ระยะหนึ่ง ซึ่งมีคุณสมบัติในการติดแน่นจับกับสิวเสี้ยน แล้วนำไปวางบริเวณผิวที่มีปัญหาสิวเสี้ยน แล้วดึงออก สิวเสี้ยนก็จะหลุดติดออกมา
4. ใช้ธรรมชาติกำจัด : วิธีที่ 1 นำไข่ขาวขนาดเล็ก 1 ฟอง น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำผึ้งมา 2 ช้อนชา ผสมรวมกัน ตีให้เข้ากัน จากนั้นล้างหน้าให้สะอาด เช็ดและซับให้แห้ง นำไข่ขาวที่เตรียมไว้มาทาบริเวณจมูก
ส่วนที่เป็นสิวเสี้ยน แล้วนำกระดาษซับมันมาแปะลงบริเวณที่ทาไข่ขาวไว้ ใช้นิ้วมือกดเบา ๆ ให้กระดาษซับมันกระชับผิว นอนราบกับพื้นรอจนไข่ขาวแห้งสนิท หน้าจะตึงมาก ๆ จากนั้นใช้มือลอกกระดาษซับมันจากล่างขึ้นบน สิวเสี้ยนก็จะติดออกมากับกระดาษซับมัน แล้วล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด เพื่อกระชับรูขุมขน ควรทำสัปดาห์ละครั้ง
วิธีที่ 2 ล้างหน้าให้สะอาดใช้น้ำผึ้งทาจุดที่มีสิวเสี้ยนทิ้งไว้ 10 นาที แล้วใช้นิ้วชี้นวดคลีงเบา ๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำเป็นประจำ หน้าจะไม่มีสิวเสี้ยน หน้าจะเนียนนุ่ม
วิธีที่ 3 ใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนตรงจุดที่เป็นสิวเสี้ยน ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วจึงค่อย ๆ ดึงออกอย่างช้า ๆ สิวเสี้ยนก็จะหลุดออกมาพร้อมแผ่นลอกสิว เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก ราคาไม่แพงนัก แต่การใช้ก็ต้องระมัดระวัง เพราะสารเคมีที่ใช้ อาจก่อให้เกิดการแพ้ได้
วิธีที่ 4 ใช้กรดผลไม้ที่พบในน้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว มาทาบริเวณที่เป็นสิวเสี้ยนวันละ 1-2 ครั้ง ถ้าแสบมากก็ผสมน้ำเปล่าไปสักนิด ใช้ไปสักระยะหนึ่ง สิวเสี้ยนจะลดลง
วิธีที่ 5 ละลายเบกกิ้งโซดากับน้ำเปล่า ให้ได้เนื้อครีมข้น ๆ แล้วนำมาทาบริเวณที่เป็นสิวเสี้ยน ทิ้งไว้ 1 ชม. แล้วล้างออก จมูกจะเรียบเนียนขึ้น
วิธีที่ 6 นำไข่ที่ร้อนอยู่ มาแกะเปลือกออก แล้วก็นำมากลิ้งบริเวณที่เป็นสิวเสี้ยน ไข่จะดูดสิวเสี้ยนออกมา แต่อาจจะดูดไม่หมด วิธีนี้ใช้ได้เฉพาะสิวเสี้ยนที่ไม่ยึดติดแน่นจนเกินไป
วิธีที่ 7 มาส์กข้าวโอ๊ตกับกุหลาบ ส่วนผสมนี้จะช่วยกำจัดสิวหัวดำที่มีอยู่แล้ว และป้องกันการเกิดขึ้นใหม่อีก วิธีการคือผสมข้าวโอ๊ตบดละเอียดกับน้ำกุหลาบให้เป็นส่วนผสมข้น ๆ ทาส่วนผสมลงบนหน้าบริเวณที่เป็นสิวหัวดำทิ้งไว้ 15 นาที ก่อนล้างออกด้วยน้ำเย็น ซึ่งจะช่วยปิดรูขุมขนที่เพิ่งทำความสะอาดมาใหม่ ๆ ป้องกันการเกิดสิวหัวดำต่อไป
วิธีที่ 8 มันฝรั่งดิบสับละเอียดสามารถใช้รักษาปัญหาผิวได้หลายอย่างรวมทั้งสิวหัวดำ โดยพอกมันฝรั่งลงบนผิวที่เป็นปัญหาโดยตรง ทิ้งไว้สักครู่แล้วล้างออก ล้างซ้ำด้วยน้ำสะอาด
“การแก้ไขต้องควบคู่กับการป้องกัน” เพราะรูขุมขนที่กว้าง ง่ายต่อการหมักหมมของสิ่งสกปรกและจุลินทรีย์ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดรูขุมขนกว้าง และการรบกวนรูขุมขน เช่น การนวดหน้า การขัดหน้า การเช็ดถูหน้าแรง ๆ
การป้องกันปัญหาสิวเสี้ยน
สิวเสี้ยน … เกิดจากความผิดปกติของเส้นขนอ่อนในรูขุมขน มีการอุดตันรวมตัวกับไขมันในรูขุมขนเห็นเป็นกระจุกเส้นขนดำ ๆ ที่บริเวณจมูก คาง และสองข้างแก้ม มีวิธีการรักษาสิวเสี้ยน
ดังนี้ 1. การใช้ครีมช่วยละลายการอุดตันของกลุ่มเส้นขนอ่อนภายในรูขุมขนเป็นประจำ 2. ไม่ควรใช้กระดาษกาวหรือใช้แหนบดึง หรือการบีบ เพราะจะทำให้ขนเหล่านั้นงอกกลับมาเจริญเติบโตได้ใหม่อย่างรวดเร็ว 3. ห้ามบีบสิวเสี้ยนเพราะส่วนที่บีบออกมาจะเป็นไขมันแต่ตัวเส้นขนอ่อนยังมีอยู่และจะทำให้เกิดแผลเป็น รอยดำ 4. ถนอมผิวโดยการไม่รบกวนผิวหน้า ไม่ล้างหน้าบ่อย และไม่เช็ดถูหน้าแรง ๆ