เป็นอีกหนึ่งกลุ่มคน LGBT ที่มีความโดดเด่นทางด้านทัศนคติสำหรับหนุ่ม เจส-เจษฎา ปลอดแก้ว ผู้คว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 เวทีการประกวด Mr. Gay World Thailand 2019 และยังสามารถคว้ารางวัล Best Social Campaign ในแคมเปญจ์ Pride at Work รณรงค์ให้เกิดความเท่าเทียมกันของกลุ่มคน LGBT ในสถานที่ทำงาน วันนี้โดดเด่นดอทคอมจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับหนุ่มเจสกันให้มากขึ้นค่ะ
เจส-เจษฎา รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง 1 Mr. Gay World Thailand 2019
สวัสดีค่ะ ช่วยแนะนำตัวเองคร่าวๆ ให้หลายๆ คนได้รู้จักกันหน่อยค่ะ
“สวัสดีครับ ผมชื่อเจส เจษฎา ปลอดแก้ว ครับ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการโรงแรม จาก Dusit Thani College ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง Talent Development Manager ที่โรงแรม International Brand แห่งหนึ่ง
ผมเป็นคนอารมณ์ดีครับ บางทีคนอื่นอาจจะมองว่าบ้าๆบอๆด้วยซ้ำ (ฮ่าๆ) แต่เอาจริงๆเป็นคนมีสาระมากนะครับ ส่วนใหญ่จะชอบให้คำปรึกษาแก่ผู้อื่น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะติดนิสัยแบบนี้มาจากหน้าที่การงานซึ่งจะต้องพบปะผู้คนอยู่ตลอดเวลา วันว่างๆชอบดูหนัง ฟังเพลง หาข้อมูลเรื่องราวต่างๆ เขียนบทความดีๆ รวมถึงใช้เวลาดีๆส่วนตัวกับคนสำคัญไม่ว่าจะเป็นครอบครัวรวมไปถึงเพื่อนๆครับ”
เพราะอะไรถึงตัดสินใจเข้ามาประกวดเวที Mr.Gay World Thailand 2019 นี้คะ
“ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยครับว่า ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่คิดว่าจะก้าวเข้ามาสมัครเข้าร่วมประกวดเวทีใดๆเลย เพราะผมมองว่าตัวผมเองไม่ใช่พิมพ์นิยมที่จะมาเดินเฉิดฉายบนเวที จนกระทั่งวันหนึ่งได้เห็น Concept ของเวทีว่าพูดถึงการ “Dare To Shine” คือไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ก็สามารถที่จะก้าวเข้ามาขับเคลื่อนและทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อผลักดันให้ LGBTQI ของไทยนั้นเดินไปข้างหน้าเพื่อให้ทัดเทียมในระดับนานาชาติ และที่สำคัญเวทีนี้เป็นเวทีที่เปิดกว้างมากๆสำหรับความหลากหลาย ผมจึงมองว่าน่าสนใจมาก จนสุดท้ายผมจึงตัดสินใจข้ามกำแพงในใจที่ตัวเองสร้างขึ้นจนมาสมัครรอบออดิชั่นในที่สุดครับ”
ในการประกวดครั้งนี้ประทับใจอะไรบ้าง และตลอดเวลาการประกวด ดูแลและเตรียมตัวตัวเองอย่างไรคะ
“อยากแรกเลย ผมประทับใจเรื่องบริบทของเวทีนี้มากๆ เพราะมีแนวคิดที่ชัดเจนว่าเปิดกว้างและต้อนรับความหลากหลายที่มีอยู่จริงในสังคม เวที Mr. Gay World Thailandไม่ใช่เวทีที่ประกวดเพื่อเฟ้นหาคนที่หน้าตาหล่อขั้นเทพ หรือหุ่นดีขั้นสุดเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญมากๆยิ่งไปกว่านั้นคือพลังที่อยู่ในตัวของเราที่จะแสดงเสน่ห์ออกมาจากข้างในแล้วทำให้เราน่ามอง รวมไปถึงความคิดและทัศนคติที่มีต่อสังคม และนั่นจะทำให้เราเป็นคนที่มีคุณค่าในฐานะที่เราเองก็เป็นเกย์คนหนึ่งบนโลกใบนี้
อย่างที่สองที่ประทับใจสุดๆเลยคือมิตรภาพของเพื่อนทุกคนตั้งแต่วันออดิชั่นจนถึงวันประกวดรอบตัดสิน คือทุกคนยังคงเกาะกลุ่ม แฮงค์เอ้าท์กันอย่างเหนียวแน่น บางคนมาจากต่างจังหวัด บางคนถึงกับมาไกลจากต่างประเทศเพื่อร่วมกิจกรรมครั้งนี้กับพวกเรา และที่สุดยอดที่สุดคือหัวใจและพลังของทุกคนที่พกมากันเต็มร้อยด้วยเป้าหมายเดียวกัน
อย่างที่สามประทับใจคณะกรรมการทุกท่านรวมถึงเม็นเทอร์ทุกท่านที่ช่วยเติมเต็มให้เวทีประสบความสำเร็จ ทำให้ผมได้รับความรู้และประสบการณ์มากมายตลอดระยะเวลาที่เตรียมตัวสำหรับการประกวด จนหันมาอีกทีก็เห็นว่าตัวเราเองพัฒนาศัยภาพไปถึงจุดที่เรียกว่าตัวผมเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
สำหรับการดูแลตัวเองให้พร้อมกับการประกวดของผมก็คือดูแลร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลัง พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้ผ่อนคลายก็มีส่วน เพราะจะทำให้เราไม่เครียดจนเกินไป สำหรับผิวหน้าก็มีล้างหน้า ใช้ครีมบำรุงและดื่มน้ำเยอะๆ ครับ”
ความรู้สึกหลังจากที่ได้รับตำแหน่งเป็นอย่างไรบ้าง และจากนี้ไปวางเป้าหมายอย่างไรหลังจากได้รับตำแหน่งนี้คะ
“รู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจมากครับ การได้ตำแหน่งรองอันดับหนึ่งและรางวัล Best Social Campaign ถือว่ามาไกลกว่าที่เราคาดคิดมาก เพราะตลอดระยะเวลาการประกวดที่ผ่านมาทุกคนเต็มที่กับมันมาก ผมเองก็เป็นตัวของตัวเองมาโดยตลอดก็รู้สึกเซอร์ไพรส์เหมือนกันที่คนซึ่งไม่ใช่พิมพ์นิยมสำหรับการประกวดจะชนะใจคณะกรรมการและผู้คนอีกมากมายที่ส่งเสียงเชียร์รวมถึงให้กำลังใจ
จากนี้ไปผมต้องการทำให้ “Pride At Work” ซึ่งเป็นแคมเปญที่ผมชนะเกิดขึ้นจริง โดยตอนนี้ผมได้เปิดเพจ “Pride At Work Thailand” ทาง Facebook ตลอดจน Line @PrideAtWork เพื่อแชร์และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารสำหรับ LGBTQI ในสถานที่ทำงานที่พวกเขาเหล่านั้นจะต้องพบเจอกับเรื่องราวปัญหาต่างๆ รวมถึงความไม่เท่าเทียม และความไม่เป็นธรรมเพื่อแนะนำ หาทางช่วยเหลือพวกเขา
ขณะเดียวกันนี้ผมก็กำลังดำเนินการเรื่องปรับปรุงออกแบบหลักสูตรการอบรมเพื่อใช้ในสถานประกอบการต่างๆเพื่อรณรงค์ให้พวกเขาเคารพและยอมรับในเรื่องความแตกต่างและความหลากหลายเพื่อมุ่งเน้นลดการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งคาดว่าในอนาคตเร็วๆนี้ เราจะได้เห็นข่าวคราวความคืบหน้าแน่นอนครับ”
อยากให้ฝากถึงคนที่คิดอยากจะมาประกวด Mr. Gay World Thailand ในปีต่อไปหน่อยค่ะ
“ผมมองว่าเวทีนี้ไม่ใช่การประกวด แต่มันเป็นการมารวมกลุ่มกันเพื่อทำกิจกรรม โดยแต่ละคนจะต้องมีโจทย์ในใจก่อนเลยว่าต้องการทำอะไรเพื่อสังคมLGBTQI และโลกใบนี้บ้าง ผ่านการรับรู้ ผ่านมุมมองของคุณ หรือผ่านสิ่งที่คุณอยากสื่อสารให้ทุกคนได้ทราบ ซึ่งถ้าคุณมีสิ่งที่ว่า นั่นหมายความว่าคุณมีจิตสาธารณะ มีหัวใจพร้อมที่จะทำเพื่อผู้อื่นและมาไกลเกินครึ่งแล้ว ที่เหลือคือความพร้อมและความกล้าที่คุณจะก้าวออกมาแสดงพลัง
ที่สำคัญอีกอย่างซึ่งผมอยากจะฝาก นั่นคือสิ่งที่คุณจะได้กลับไปจากเวทีนี้ คือความรู้ การพัฒนาศักยภาพ ประสบการณ์ และมิตรภาพมากมายตลอดเส้นทางที่เราเดินไปพร้อมกัน และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเวที Mr. Gay World Thailand ปีนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคนที่ติดตามเวทีนี้มาตลอดได้ก้าวออกมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา แล้วพบกันในวันออดิชั่นปีหน้านะครับ”