ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์

หากยังจำกันได้ กรณีช่างภาพหนุ่มรายหนึ่งพบศพชาวต่างชาติบนตึกร้าง ‘สาธร ยูนีค’ ชั้น 43 เมื่อช่วงปลายปี 57 จนเป็นที่ฮือฮากันในสังคมถึงความหลอน ซึ่งในมุมมองของช่างภาพบางส่วน มองว่าบนยอดตึกนั้นมีวิวที่สวยงามเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นสถานที่ยอดฮิตของชาวต่างชาติที่รักการผจญภัย แม้ว่าทางตึกดังกล่าวจะมีการว่าจ้างรปภ.มาดูแลสถานที่ห้ามบุคคลภายนอกขึ้นตึกแล้วก็ตาม

EyWwB5WU57MYnKOuXq8Es1khWMEf7knMtrpbUeeCN39lbd4uZXeJI4

แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ยังมีสมาชิกเว็บไซต์ชื่อดัง ตั้งกระทู้สอบถามเป็นระยะๆ ถึงพิกัดตึกดังกล่าว เพื่อจะขึ้นไปถ่ายรูปหวังเก็บภาพสวยๆ ซึ่งชาวเน็ตส่วนใหญ่ได้แสดงความหวังดี โดยบอกว่าไม่เหมาะสมหากจะขึ้นไป เข้าข่ายบุกรุก รวมทั้งอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน แต่เหมือนคำเตือนดังกล่าวก็ไม่สัมฤทธิ์ผล

NjpUs24nCQKx5e1D68gz2fx5OMh64fPCkVZTmkatO8f

ล่าสุด นายพรรษิษฐ์ ต่อสุวรรณ กรรมการผู้จัดการบริษัท รังสรรค์ แอนด์ พรรษิษฐ์ สถาปัตย์ จำกัด ลูกชายนายนายรังสรรค์ ต่อสุวรรณ เจ้าของโครงการสาธร ยูนีค ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

“ยังมีคนเป็นจำนวนมากก่อนที่จะละเมิดสิทธิคนอื่นไม่คิด หลายคนยังหัวหมอปากดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกขาใหญ่ในเน็ตเนี้ย…. ไม่เป็นไรหรอก ออกหมายจับต้องศาลอนุมัติ คดีแบบนี้ศาลอย่างมากก็แค่รอลงอาญา พอดำเนินการเข้าจริงๆก็กระหน่ำข้อความมาขอโทษ ผมรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผมจะไม่ทำอีก อย่าดำเนินคดีผมเลยนะครับ จะให้ผมเข้าไปกราบขอขมาก็ได้….ฯลฯ

ผมบอกได้คำเดียวว่าผมอดทนมานานเพราะไม่อยากไปแจ้งความเอาคดีอาญาไป ใส่คนอื่นที่ผมไม่รู้จักเสียด้วยซ้ำ แต่ผมจำเป็นต้องทำเพราะมีการกระทำผิดละเมิดบ่อยๆ และซ้ำร้ายยังไปออกชวนคนอื่นมาอีกเป็นโขลง ผมจะแจ้งความแค่ข้อหาบุกรุกเท่านั้น แต่ถ้าพวกคุณดิ้นมากระวังมันจะลามไปละเมิด พรบ.คอมฯ ซึ่งได้ยินว่ายอมความไม่ได้อันนี้ผมไม่เกี่ยวด้วย”

NjpUs24nCQKx5e1D68gz2fx5OMh64fSaEueOwedecTT

สายตรวจโซเชียล ได้ต่อสายไปสอบถามยัง นายพรรษิษฐ์ ต่อสุวรรณ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และได้รับการเปิดเผยว่า ปัจจุบันเริ่มมีกลุ่มชาวไทย และชาวต่างชาติ ลักลอบขึ้นตึกสาธร ยูนีค กันเป็นจำนวนมาก หลังเงียบหายไปสักพัก สาเหตุมาจากเจ้าหน้าที่ รปภ. รับเงินหัวละ 200-500 บาท แลกกับค่าผ่านทาง ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่มีเหตุการณ์ชาวต่างชาติผูกคอตาย ได้เปลี่ยน รปภ. ไปแล้วถึง 5 ชุดด้วยสาเหตุดังกล่าว

สำหรับขณะนี้ได้แจ้งความไว้แล้วกับผู้บุกรุก 3 ราย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งตนเตรียมนำใบแจ้งความดังกล่าว ไปติดไว้บริเวณหน้าตึกเพื่อเตือนผู้บุกรุก หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้หากยังแก้ปัญหาไม่ได้ หลังจากนี้เตรียมใช้ยาแรงโดยการแจ้งความเอาผิดผู้ที่บุกรุกและมีการโพสต์ภาพในโลกออนไลน์ ด้วยข้อหา ‘บุกรุก’ พ่วงกับ พรบ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีโทษที่ค่อนข้างรุนแรง และตอนนี้ตนพอทราบว่ามีกลุ่มไลน์นัดกันไปขึ้นตึกถ่ายรูปด้วย จึงขอเตือนให้หยุดการกระทำดังกล่าว

NjpUs24nCQKx5e1D68gz2fx5OMh64fTOzzZ7wgKbW8f

“ส่วนตัวไม่ได้ใส่ใจเรื่องคนขึ้นไปถ่ายภาพสักเท่าไร แต่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากตึกดังกล่าวนั้นสร้างไม่เสร็จ ไม่มีความปลอดภัยเลย จึงไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกขึ้นเด็ดขาด พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งก่อนที่มีผู้ผูกคอตาย ก็สร้างความเสียหายเป็นอย่างมากแล้ว และขอยืนยันว่าไม่เคยคิดนำตึกดังกล่าวมาทำมาหากินเรียกเก็บเงินค่าขึ้นตึก ตามที่มีการโพสต์ในบางเว็บไซต์ เนื่องจากมันอันตราย” นายพรรษิษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย

เรื่องน่าสนใจ