ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับ “เจ้าสร้อยมาลา อินทร์เอี่ยม ณ จำปาสัก” ทายาทผู้สืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์องค์สุดท้ายของลาว ได้เตรียมนำเครื่องเงินโบราณอายุเก่าแก่หลายร้อยปี ออกขายเพื่อระดมเงินนำไปซื้อข้าวสารจำนวน 1,800 กระสอบ ทำบุญถวายให้วัดและพระสงฆ์ รวมทั้งผู้ยากไร้ในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำปาง
ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการทำบุญฉลองวันเกิดของตัวเองครบ 79 ปี ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ และเนื่องในวันจุติของพระพิฆเนศ ซึ่งสร้างความสนใจให้กับผู้ที่รับทราบข่าวเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าเจ้าสร้อยมาลา จะเคยมีการนำสมบัติทั้งเครื่องเงิน, เครื่องประดับ และผ้าซิ่น ที่อ้างว่าเป็นของโบราณอายุเก่าแก่หลายร้อยปีของลาวออกขายและระดมเงินนำไปทำบุญหลายครั้งแล้วก็ตามตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เจ้าสร้อยมาลา ระบุว่า เครื่องเงินดังกล่าวเป็นวัตถุโบราณที่มีตราช้างสามเศียร เป็นตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลราชวงศ์และใช้ในราชสำนักลาวเท่านั้น ตกทอดกันมา 6 ชั่วอายุคน อายุเก่าแก่ 200-300 ปี และหลายชิ้นมีราคาเกินหลักล้านบาท
ขณะเดียวกันในโซเชียลมีเดียได้มีการตั้งคำถามและข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับ เจ้าสร้อยมาลา โดยเฉพาะการสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ลาว และที่มาที่ไปของสมบัติโบราณต่างๆ ที่มีการนำออกขายว่าเป็นจริงหรือไม่อย่างไร
เจ้าสร้อยมาลา จึงได้เปิดเผยว่า การนำเครื่องเงินโบราณออกขายในครั้งนี้ เพื่อระดมเงินนำไปซื้อข้าวสารจำนวน 1,800 กระสอบ ทำบุญถวายให้วัดและพระสงฆ์ รวมทั้งผู้ยากไร้ ซึ่งเครื่องเงินโบราณที่นำออกขายจะประกอบด้วยเครื่องเงินโบราณของลาวเป็นหลัก เครื่องเงินเชียงใหม่และเครื่องเงินเชียงตุงอีกบางส่วน
เจ้าสร้อยมาลา บอกด้วยว่า สมบัติข้าวของทั้งหมดที่มีอยู่นั้นเป็นของเก่าอายุ 200-300 ปี มาจากลาวทั้งหมด เก็บสะสมตกทอดกันมา 6 ชั่วอายุคน จนมาถึงตัวเอง จำนวนทั้งหมดเท่าไรไม่สามารถบอกได้ บอกได้แต่เพียงว่าเครื่องเงินเฉพาะที่เป็นเครื่องใช้สำหรับเชื้อพระวงศ์ในราชวงศ์หลวงพระบาง ทั้งชิ้นเล็กและใหญ่มีจำนวนรวมกันประมาณ 300 ชิ้น มูลค่าตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักล้าน
ขณะที่ผ้าซิ่นตีนจกมีจำนวนมากเป็นพันๆ ผืน แต่ละผืนเป็นผ้าเก่าแก่อายุร้อยปี นอกจากนี้มีเครื่องประดับและอัญมณีอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งสมบัติดังกล่าวนี้มีการนำเข้ามาตั้งแต่ครั้งที่บรรพบุรุษมาจากลาว ทุกวันนี้สมบัติส่วนใหญ่จะเก็บไว้ที่บ้านที่จังหวัดลำปางและจะนำออกมาในช่วงที่ต้องการขายเพื่อนำเงินไปทำบุญ
ส่วนประเด็นที่มีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการเป็นผู้สืบทอดเชื้อสายมาจากกษัตริย์องค์สุดท้ายของลาวนั้น เจ้าสร้อยมาลา กล่าวว่า ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้วว่ามีคนตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวเอง โดยมองคนที่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวเองไว้ 2 อย่าง คือ อย่างแรก คนที่คิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าจริงนั้น เพราะอิจฉาริษยา และอย่างที่สอง เป็นเพราะเขาไม่มีสมบัติอย่างเรา แต่ให้อภัยและไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งไม่ขอโต้แย้ง ชี้แจงหรือพิสูจน์ใดๆ เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นดูเหมือนการแก้ตัว และไม่มีเวลาที่จะไปทำอย่างนั้น ขอใช้เวลาสวดมนต์ทำบุญจะดีกว่า