อาจารย์ทันตแพทย มช. สร้างสรรค์ผลงาน ‘รากเทียมขนาดเล็กสำหรับช่วยยึดฟันเทียมแบบถอดได้’ คว้ารางวัลชนะเลิศนวัตกรรมแห่งชาติ มีขนาดเพียง 2.75-3 มม. ที่สำคัญราคาถูก ใส่เสร็จในครั้งเดียว สึกหรอสามารถเปลี่ยนส่วนหัวได้ทันที…
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.58 รศ.ทพ.ดร.ปฐวี คงขุนเทียน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทันตกรรม และผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางทันตกรรมรากเทียม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า คณะทันตแพทย์ฯ ได้รับรางวัลชนะเลิศรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านสังคม ประจำปี 2558 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากผลงานนวัตกรรม “รากเทียมขนาดเล็กสำหรับช่วยยึดฟันเทียมแบบถอดได้” (Mini dental implant for retaining removable denture) ซึ่งเป็นการพัฒนารากฟันเทียมขนาดเล็กเพียง 2.75-3 มิลลิเมตร
รศ.ทพ.ดร.ปฐวี กล่าวว่า รากเทียมดังกล่าว ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนหัวที่ยึดกับฟันปลอม และส่วนลำตัวที่ยึดติดกับกระดูกกราม ซึ่งการใช้งานนั้นจะเปิดแผลขนาดเล็กเพื่อใส่ส่วนลำตัวที่ยึดกระดูกกราม ทำให้คนไข้เจ็บน้อยลง การฟื้นตัวเร็วขึ้น ไม่ต้องรอนาน เนื้อเยื่อเสียหายไม่มาก คนไข้สามารถใส่รากฟันเทียมแล้วเสร็จในครั้งเดียว แผลเล็กหายเร็ว ยึดกับกระดูกได้ดี เมื่อสึกหรอจากการใส่เข้า-ออกฟันปลอมแล้ว สามารถเปลี่ยนส่วนหัวได้ทันที ไม่จำเป็นต้องรื้อทิ้งเหมือนเดิม ที่สำคัญ ราคาถูกลงในระดับที่คนไทยสามารถจ่ายได้ เมื่อเทียบกับฟันปลอมแบบตะขอเกี่ยว ซึ่งคนไข้มักไม่นิยมเนื่องจากเจ็บ หลุด เคลื่อนง่าย ไม่เสถียร หรือหากเป็นรากฟันทั่วไปที่มีขนาดใหญ่ต้องใช้เวลานานในการรักษา เนื่องจากต้องผ่าเปิดแผลเพื่อใส่รากเทียม เจาะและเย็บปิด ก่อนรอเวลาอีกราว 3 เดือน เมื่อแผลหายดีแล้วจึงจะใส่ฟันเทียมได้
นวัตกรรมดังกล่าว สามารถใช้เพื่อทดแทนรากฟันเทียมที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาสูง ในราคาไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาทต่อการรักษาเพียง 1 ซี่ แต่ผลงานรากฟันเทียมที่พัฒนาสำเร็จในครั้งนี้ มีราคาเพียงหลักพันบาท ซึ่งคนทั่วไปสามารถจ่ายได้ ช่วยให้ผู้ป่วยทันตกรรมมีโอกาสเข้าถึงการรักษามากยิ่งขึ้น โดยจะช่วยยึดฟันเทียมได้ทั้งแบบซี่และแบบหลายซี่ ทั้งนี้ นวัตกรรมรากฟันเทียมนี้ ได้ส่งต่อให้กับบริษัท พีดับบลิว พลัส จำกัด ทำตลาดเป็นแบรนด์ไทยรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย รวมถึงในเอเชียที่มีมาตรฐานการผลิต ISO 13485 และผ่านการรับรองมาตรฐานของสหภาพยุโรป (CE mark).