ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้มีการแบ่งผู้คนออกเป็นรุ่นๆ ซึ่งรุ่นล่าสุดที่ถูกกล่าวถึงตอนนี้ก็คือ เด็กศตวรรษที่ 21 หรือเด็ก Gen Alpha หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ เด็กที่จับอุปกรณ์ดิจิตอลกันตั้งแต่เกิดนั่นเอง หรือดูจาก พ.ศ.เกิด ก็ต้องเกิดตั้งแต่ปี 2553
จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว ทำให้เด็ก Gen Alpha มีพฤติกรรมอยู่กับเทคโนโลยีตลอดเวลา เรียกว่าตั้งแต่วัยแรกเกิดเลยก็ว่าได้ ซึ่งนายแพทย์สมชาติ สทธิกาญจน์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ที่ปรึกษาโรงพยาบาลเจ้าพระยา กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้ทำให้พ่อแม่หลายคน มีความเข้าใจผิดเรื่องการใช้เทคโนโลยีกับลูก เพื่อช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กก่อน 2 ขวบ เพราะผลกระทบด้านพัฒนาจะออกมาติดลบมากกว่า
เด็กเล็กที่ดูโทรทัศน์หรือสมาร์ทโฟน จะมีพัฒนาการช้า พูดช้า ไม่มองหน้าสบตาไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้าง และภาษาพูดก็จะแปลก เช่นเป็นภาษาการ์ตูน ซึ่งไม่สามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ทั้ง ๆ ที่ปกติเด็กขวบครึ่งถึง 2 ขวบจะสามารถพูด โต้ตอบ หรือใช้ท่าทางสื่อสารได้อยู่แล้ว โดยไม่ต้องใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย
หากพ่อแม่ยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี ก็อาจจะทำให้กลายเป็นเด็กพิเศษลักษณะคล้ายเด็กออทิสติก หรือชอบเก็บตัวอยู่กับเทคโนโลยีไม่สนใจคนรอบข้าง
ดังนั้นพ่อแม่ควรมองว่าเทคโนโลยีเป็นเพียงตัวเสริมในวัยที่เหมาะสม และหากิจกรรมอื่น ๆ ให้ลูก เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้รอบด้านและมีพัฒนาการสมวัย
ส่วนคติการเลี้ยงลูกของคนไทยที่ว่า “รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี” นั้น นายแพทย์สมชาติ สทธิกาญจน์ กล่าวว่า ควรใช้กับลูกยุค Gen Alpha ในกรณีที่เด็กไปทำร้ายผู้อื่น เช่น กัดหรือตี รวมถึงทำลายข้าวของ และเด็กกำลังจะเล่นสิ่งของที่เป็นอันตราย เช่น ปลั๊กไฟ เพื่อให้เด็กกลัวและจดจำไม่กล้าทำอีก
แต่การจะตีเด็กเพื่อให้กลัวและจดจำควรเป็นเด็กเล็กไม่เกิน 3 ขวบ เพราะหากเกินกว่านั้นจะกลายเป็นการกระทำรุนแรงกับเด็ก ที่สำคัญพ่อแม่ต้องใช้มือตีเท่านั้น เพื่อให้ทราบถึงน้ำหนักการตี
