ที่มา:
Ohozaa
ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลขัดฟันขาวทางโซเชียลมีเดีย ด้วยการนำเบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำมะนาวมาขัดฟัน อาจทำให้หลายคนที่อยากฟันขาวทำตาม ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าได้ผลจริงหรือไม่ และจะส่งผลกระทบอย่างไร
ทันตแพทย์สุธา เจียรมณีโชติชัย รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข บอกว่า ต้องอธิบายก่อนว่าปกติคนเราจะมีฟันอยู่ 2 ประเภท คือ ฟันน้ำนมสีออกขาว ๆ เคลือบฟันค่อนข้างบาง ส่วนฟันแท้จะออกสีเหลืองกว่าซึ่งเป็นสีฟันตามธรรมชาติ เคลือบฟันมีความแข็งแรงมากกว่า ทั้งนี้สีของฟันจะขึ้นอยู่กับสีผิวของแต่ละคนด้วย ส่วนคนผิวดำจะมีสีฟันค่อนข้างขาว ตรงนี้เป็นเรื่องของยีน
บางคนอยากมีฟันขาวจึงเลือกใช้วิธีการฟอกสีฟัน ส่วนตัวแล้วไม่แนะ นำ เพราะการฟอกสีจะดึงสารบางตัวที่มีในเนื้อฟันออกมา เช่น แคลเซียม แร่ธาตุบางตัว ทำให้สีธรรมชาติของฟันที่เป็นตัวเคลือบเนื้อฟันป้องกันฟันผุ การเสียวฟันออก ยิ่งถ้าฟอกบ่อย ๆ ยิ่งทำให้มีโอกาสฟันสึก เสียวฟัน เร็วกว่าที่ควรจะเป็น และเพิ่มความเสี่ยงทำให้เกิดฟันกร่อนได้มากขึ้น ซึ่งหากเกิดภาวะเหล่านี้ การแก้ไขมีวิธีเดียว คือ ครอบฟัน หรืออาจจะเติมเคลือบฟันเพิ่มเติมขึ้นมา
เท่าที่เจอคนไข้ที่ชอบว่ายน้ำจะมีปัญหาฟันสึกและกร่อนอย่างรุนแรง เพราะในสระน้ำมีการเติมกรดหรือด่างลงไปเพื่อฆ่าเชื้อโรค ซึ่งหากไม่มีการทดสอบปริมาณความเข้มข้นของสารที่เติมลงไปก็อาจมีอันตรายกับฟัน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องแช่อยู่ในสระนาน ๆ วันละประมาณ 2 ชั่วโมง เช่น นักกีฬาว่ายน้ำนี่พบปัญหาฟันสึกและกร่อนอย่างรุนแรง
สำหรับกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเรื่องการใช้ “เบกกิ้งโซดา” หรือ “โซเดียมไบคาร์บอร์เนต” ผสมกับน้ำมะนาวมาขัดฟันเพื่อต้องการให้ฟันขาวนั้น อาจเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้ โดยในน้ำมะนาวเป็นกรด ในส่วนเบกกิ้งโซดามีฤทธิ์เป็นด่าง โดยโครงสร้างการทำงานของสารตัวนี้อาจจะช่วยทำให้ฟันขาวได้ก็จริง แต่กรณีที่บอกว่าทำให้สีฟันขาวในครั้งแรกนั้นยังไม่มีความชัดเจน ต่อเมื่อมาผสมกับน้ำมะนาวแล้ว จะเป็นการเพิ่มฤทธิ์ในการกัดกร่อนเนื้อฟัน และผิวฟัน
สูตรการฟอกสีฟันดังกล่าวเป็นการใช้สารคนละตัวกับที่ทางทันตแพทย์ใช้ แต่ถือว่ามีอันตราย หากทำโดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญอาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อความแข็งแรงของฟันได้ เนื่อง จากในการทำหัตถการฟอกสีฟันของทันตแพทย์จะมีการป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับฟัน และสุขภาพในช่องปากของผู้ใช้บริการอย่างเข้มงวด
หากมีการใช้เป็นระยะเวลานาน หรือแม้แต่การใช้เพียงครั้งเดียว แล้วไม่มีการควบคุมปริมาณที่เหมาะสมก็อาจเกิดการระคายเคือง ทำให้เซลล์บริเวณนั้นมีการต่อต้าน เมื่อต่อต้านแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของเซลล์ อาจจะมีโอกาสเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นเซลล์ตั้งต้นของเซลล์มะเร็งได้
ดังนั้นไม่แนะนำให้ใช้ เพราะเราไม่สามารถควบคุมปริมาณ หรือคุมความเสี่ยงได้ และถ้าไม่จำเป็นก็ไม่แนะนำให้ไปฟอกสีฟัน เพราะไม่ได้ทำให้สีฟันขาวถาวร เพราะสีฟันจะกลับมาเป็นสีเดิมตามธรรมชาติภายใน 2 ปี เป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ
การดูแลสุขภาพในช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอเป็นเรื่องสำคัญที่สุด แนะนำว่า 1. ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีรสหวานเกินไป โดยเฉพาะขนม น้ำอัดลมเพราะน้ำตาลจะเปลี่ยนเป็นกรดทำให้เกิดฟันผุ ลดการทานจุกจิก เพราะทุกครั้งที่รับประทานอาหารจะเกิดกรดขึ้นในช่องปาก 2. แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน แต่ละครั้งนาน 2 นาที และหลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมงควรงดรับประทานอาหาร และ 3. ไปพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละครั้งในผู้ที่ไม่มีปัญหาในช่องปาก ส่วนผู้ที่มีปัญหาในช่องปากอาจจะพบบ่อยขึ้น