เกริ่นนำโดย โดดเด่น
ภาษาอังกฤษ สิ่งที่ใครหลายคนเบินหน้าหนี แต่หนีเท่าไหร่ก็หนีพ้น เพราะภาษาอังกฤษกลายเป็นสิ่งที่เราต้องเจอบ่อยขึ้น ยิ่งจะมีการเปิด AEC ก็คงต้องใช้ภาษาอังกฤษกันมากขึ้น แน่นอนครับว่าใครที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ก็จะได้เปรียบกว่าคนอื่นๆ ทั้งโอกาสในการเรียนรู้ โอกาสในการทำงาน หรือโอกาสในการสร้างรายได้ เป็นต้น โดดเด่นจึงอยากนำเสนอเทคนิคการทำความเข้าใจเบื้องต้นของภาษาอังกฤษทั้ง 12 tense ได้แบบเข้าใจง่าย ไม่ต้องท่องจำ ที่ทาง jeban ได้นำเสนอไว้มาฝากกันครับ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ประโยคในภาษาอังกฤษจะไม่เหมือนภาษาไทยนะครับ โดยภาษาอังกฤษจะให้ความสำคัญกับเวลา โดยมันจะมีการเปลี่ยนรูปแบบของประโยคไปตามเวลาที่พูดถึง ซึ่งรูปแบบประโยคที่แตกต่างกันออกไปที่เราเรียกกัน “tense” ซึ่งเจ้าพวกนี้จะใช้เพื่อบอกว่าสิ่งที่เขาพูดถึงว่ามันคือตอนไหน เมื่อไหร่ ต่อเนื่องหรือไม่ หรือเพิ่งจะเสร็จไป
เราเลยจำเป็นต้องมาทำความเข้าใจกับมันสักเล็กน้อย เพื่อจะได้เอาไปใช้สื่อสารได้ชัดเจนที่สุด ว่าสิ่งที่เรากำลังพูดถึงมันเกิดตอนไหน ..เรามาเริ่มไปพร้อมกันเลย
เรามาดูตารางคร่าวๆ ก็จะเห็นว่าตารางเหล่านี้ มี 4 คอลัมน์ กับอีก 3 แถว รวมทั้งหมดไขว้กันออกมาได้เป็น 12 ช่อง
โดยที่หัวตารางด้านบนในแนวตั้งจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า tense จะมี 4 อัน คือ
ส่วนหัวตารางด้านซ้ายในแนวนอนจะเป็น time (เวลา) จะมี 3 อัน คือ
ทีนี้เราค่อยๆ มาดูไปด้วยกันทีละคอลัมน์ในแนวตั้งนะครับ เวลาอ่านชื่อ tense ก็อ่านช่องด้านซ้ายก่อน แล้วก็ต่อด้วยช่องด้านบน
ช่องแรกคือ Simple ..ง่ายสุดเลย
• Present Simple แบบที่เราเรียนกันมาง่ายๆเลย Sub + V1 (เติม s/es เมื่อประธานเป็นเอกพจน์)
• Past Simple ก็ง่ายอีก Sub + V2
ในเมื่อ V2 มันคือกริยาที่ใช้สำหรับในอดีตอยู่แล้ว ก็ใช้ V2 โลดดด
• Future Simple ก็ง่ายอีก เราเอา Sub + will + Vinf โดยที่คำว่า will แปลว่า “จะ” มันจะทำหน้าที่เป็นกริยาช่วยในประโยค ตามด้วย Vinf ก็คือ Verb ที่ไม่เปลี่ยนไม่เติมอะไรใดๆทั้งสิ้น หรือแบบที่เราจำกันมาตลอดว่า Sub + will + V1 นั้นแหละ
เราก็จำว่า ถ้าจะบอกว่า จะทำนู่น จะไปนี่ จะเอานั่น เราก็แค่ใช้ will + verb ข้างหลังที่ไม่ต้องไปเติมไรให้มันอีก เพราะ will บอกไปหมดแล้วว่ามันเป็นอนาคต เราเหลือแค่ต้องบอกว่าจะทำอะไร แค่นั้นพอ อย่าเยอะ!
ดังนั้นเมื่อไหร่เจอ I will eating. I will eaten. ผิดทันที !!!!!!!!!!
ช่องที่สองคือ Continuous
รูปประโยคของมันจะเป็น V. to be + Ving (Verb to be ก็คือ is am are เป็น อยู่ คือ ที่เคยท่องกันมานั้นแหละครับ)
“มันจะอยู่ช่วงเวลาไหน มันก็เป็น V.to be + Ving โดยที่เราผันตัว V.to be ไปตามเวลาของมัน แต่ Ving คงเดิมตลอด เพราะตัวที่บอกความเป็น Continuous คือ Ving“
• Present Continuous ก็เลยจะเป็น Sub + is/am/are + Ving ดังนั้นเมื่อไหร่เจอ I’m kicks. I’m loves. ผิดทันที!!! แต่ถ้าเจอ I’m kicked. I’m loved. อาจจะไม่ผิดนะ เป็นรูปประโยคแบบ Passive Voice ต้องแปลความหมายเอา แต่พวก I’m said…. งี้ ผิดทันที!
• Past Continuous รูปประโยคแบบเดิมเด๊ะ! แต่เราผันตัว is/am/are ให้กลายเป็นอดีตไปซะ ก็จะได้เป็น Sub + was/were + Ving
• Future Continuous พอเป็นอนาคต เราก็ต้องใช้ will มาบอกว่าเรา “จะทำ” ใช่ม่ะ แล้วหลัง will มันต้องไม่เปลี่ยนไม่เติมอะไร เราก็เลยได้เป็น Sub + will + be + Ving ไอ่ be ตรงกลางนั่นมันก็มาจาก V. to be ไง จำได้มั้ยรูปประโยคต้องเป็น V.to be + Ving ตลอด
สรุป ไปดูในรูปจะเห็นว่า ช่อง Continuous ในแนวตั้ง ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหนจะมีกรอบสีเหลืองที่เป็น V.to be ตลอด และที่สำคัญที่สุดคือ มีตัวสีส้ม คือ Ving ตลอด !!!!!!!!!
ช่องถัดมาคือ Perfect
รูปของมันจะเป็น V. to have + V3 ที่ดูเหมือนยาก แต่ก็ไม่ยากเลย
เหมือนเดิมเลยนะ
“มันจะอยู่ช่วงเวลาไหน มันก็เป็น V.to have + V3 โดยที่เราผันตัว V.to have ไปตามเวลาของมัน แต่ V3 คงเดิมตลอด เพราะตัวที่บอกความเป็น Perfect คือ V3“
• Present Perfect ก็เลยเป็น Sub + has/have + V3 ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ (He,She,It, คน สัตว์ ของ 1 อัน) ก็ใช้ “has” ถ้าเป็นพหูพจน์ (You,We,They, คน สัตว์ ของมากกว่า 1) ก็ใช้ “have”
• Past Perfect ก็แบบประโยคเหมือนเดิม แต่เราต้องทำ has/have ให้มันเป็น ช่อง 2 ไง เพราะ V2 คือ V ที่บอกอดีต แล้วช่อง 2 ของ has/have ก็คือ had เราเลยได้เป็น Sub + had + V3 อุต่ะะะ ง่ายจิมจิม!!
• Future Perfect พอเป็นอนาคตก็ต้องบอกว่า “จะ…” เหมือนเดิม ก็ยัดมันเข้าไปเล้ยยย ได้เป็น Sub + will + have + V3 เพราะหลัง will บอกแล้วว่า verb มันต้องธรรมดา อย่าเยอะ ไม่เติม ไม่เปลี่ยน เลยต้องกลับมาใช้ have ธรรมดา แล้วก็ตามด้วย V3 ซะ ได้ Perfect ด้วย แล้วยังเป็น Future อีกตะหาก
**และใช้ have อย่างเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ has จำซะว่าเราเน้นบอกว่ามันเป็นอนาคต ส่วน Perfect เราแค่มี have + V3 มันก็ perfect แล้วไง ไม่ต้องไป has ให้มันเยอะ!!**
ดังนั้นเมื่อไหร่ใช้ will has ….. หรือ will had….. หรือ will v3….. ผิดทันที !!!!!!!!
สรุป ไปดูในรูปจะเห็นว่า ช่อง Perfect ในแนวตั้ง ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน จะมีกรอบสีพีชที่เป็น V.to have ตลอด และที่สำคัญที่สุดคือ มีตัวสีชมพู คือ V3 ตลอด !!!!!!!!!
สุดท้ายแล้วครับ Perfect Continuous
ซึ่งจริงๆ มันก็ง่ายๆ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า Perfect Continuous มันก็เลยต้องมีทั้ง Perfect คือ have + V3 แล้วก็ Continuous ก็คือ Ving ด้วย รูปประโยคของมันก็เลยเป็น Sub + V. to have + V.3 (ซึ่งในที่นี้คือ been ซึ่งเป็นช่อง 3 ของ be) + Ving อันนี้อาจจะดูมึนๆ ยาวๆหน่อย แต่ไม่ยากเลย ค่อยๆอ่านนะครับ
• Present Perfect Continuous จากรูปแบบมันเราเลยได้เป็น Sub + has/have + been + Ving โดย has/have been ก็บอกความเป็น perfect ส่วน Ving ก็บอกความเป็น Continuous ! จับมาต่อกัน แค่เนี้ยยยยยย
• Past Perfect Continuous ก็จับ has/have มาทำเป็นอดีตซะ ที่เหลือไม่ต้องไปเปลี่ยน อย่าเยอะ!!!!! ก็ได้เป็น Sub + had + been + Ving นั่นง่ะ had ก็บอกว่าเป็นอดีต แล้ว had+been ก็บอกความเป็น perfect แล้ว Ving ก็บอกความเป็น Continuous ครบบบบบ !!!
• Future Perfect Continuous เป็น future เมื่อไหร่ ใช้ will เมื่อนั้น! มี will เมื่อไหร่หลัง will เป็น have เท่านั้น! เราก็เลยได้ว่า Sub + will + have + been + Ving โดย wil บอกความเป็นอนาคต have been บอกความเป็น perfect แล้ว Ving ก็บอกความเป็น Continuous !!!!!
ดังนั้นเมื่อไหร่ใช้ will + has + been + Ving ผิดทันที !
ใช้ will + been + Ving ผิดทันที ! ใช้ will + have + be + Ving ผิดทันที !!!!!!!
สรุป ไปดูในรูปจะเห็นว่า ช่อง Perfect Continuous ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลา ปัจจุบัน อดีต อนาคต
จะมี Sub + V.to have ในกล่องสีพีช + been แล้วตบท้ายด้วย Ving ตลอด !!!!!!!!!!!
เป็นไงบ้างครับ จบแล้วทั้ง 12 tenses หวังว่าอาจจะช่วยให้ใครพอเห็นความสัมพันธ์แบบคร่าวๆของมันได้บ้าง หลักการที่ลึกๆกว่านี้ยังมีอีกเยอะมากนะครับ อันนี้เป็นเพียงเทคนิกเล็กๆที่เราใช้เพื่อช่วยให้เข้าใจโครงสร้างคร่าวๆของมัน และกล้าที่จะศึกษาเรื่องอื่นต่อๆไป
ใครยังไม่เข้าใจ ลองดูในภาพตารางอีกซักรอบ แล้วดูความสัมพันธ์ของแต่ละช่องในแนวตั้งนะครับ จะเห็นว่า เอ๊ะ มันมีตัวสีส้มเหมือนกันเลย สีชมพูเหมือนกันเลย ค่อยๆดูไปทีละนิดครับ ภาษาเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนครับ โดดเด่นขอเอาใจช่วยทุกคนนะครับ