เนื้อหาโดย Dodeden.com

เซลล์ต่างๆ ในร่างกายของเราก็เปรียบเสมือนกล่องดวงใจ ลองนึกภาพตามดูว่าถ้ากล่องดวงใจถูกยิงด้วยแสงเลเซอร์จนพรุนเป็นล้านๆ แผล คุณคิดว่าเจ้าของกล่องดวงใจจะรอดไหม? กล่องดวงใจที่ว่านี้ก็คือเซลล์ที่อยู่ในร่างกายมนุษย์และสิ่งที่มีชีวิตเกือบทุกประเภท เป็นตัวบ่งชี้กลายๆ ถึงสุขภาพร่างกายของเราว่ายังปกติหรือกำลังจะผิดปกติ

เเล้วลองคิดกันดูเล่นๆ อย่างง่ายๆ ว่า ถ้ามีสิ่งผิดปกติมาทำให้เซลล์มีการเพิ่มจำนวน แตกหน่อลูกหลานออกมาช่วยทำงาน (แบบมากผิดปกติ)  และดันเพิ่มจำนวนผิดพลาดอยู่บ่อยๆ กลายเป็นลูกหลานอันธพาลระรานไปทั่วทุกหัวระแหง คุณว่าจะรอดไหม ? คำตอบคือ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตายทันที แต่จะค่อยๆ สร้างความเสียหายไปทั่วร่างกาย กว่าจะรู้ก็สายเสียเเล้ว

มะเร็งทำตัวคล้ายซอมบี้ค่ะ คือควรตายไปแล้ว แต่กลับโกงความตายหลุดรอดมาได้ นั่นเพราะตามวิถีที่ควรจะเป็นเเล้ว เซลล์ที่ดีต้องอยู่กับร่องกับรอย เชื่อฟังเจ้าของและทำงานตามโปรแกรม และถ้าเซลล์ใดเริ่มเกเร ออกนอกลู่นอกทาง ไม่ว่าจะด้วยตัวเองทำงานผิดพลาดหรือถูกยุแยงด้วยแสงเลเซอร์และสารก่อมะเร็ง เซลล์ที่ถลำลึกเกินเยียวยาก็จะถูกเพชรฆาตสั่งให้ปลิดชีพตัวเองไปซะเลย แต่หากเพชรฆาตไม่เข้มเเข็งพอ (ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเรานั่นเอง) เซลล์มะเร็งก็จะเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ไปเบียดบังทั้งพื้นที่อาศัยและน้ำ ต่อด้วยสู้รบรากันจนร่างกายของเราสิ้นสภาพ พูดกันง่ายๆ ก็คือ เซลล์มะเร็งจะค่อยๆ แบ่งตัวตลอดเวลา เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นก้อนขนาดใหญ่ จากนั้นก็จะค่อยๆ รุกลํ้าเข้าไปในเนื้อเยื่อส่วนอื่นที่เป็นเนื้อเยื่อดี ค่อยๆ เบียดเซลล์ที่ดีภายใต้อวัยวะนั้นๆ จนท้ายที่สุดเเล้วบริเวณนั้นของร่างกายก็จะถูกแทนที่ด้วยเซลล์มะเร็งเกือบทั้งหมด

อีกหนึ่งระบบป้องกันมหันตภัยมะเร็งที่ธรรมชาติสร้างไว้ คือการซ่อมแซมดีเอ็นเอที่เสียหายไปแล้วค่ะ กลไกที่ว่านั้นมีอยู่หลายวิธี ทั้งการตรวจสอบดีเอ็นเอที่คัดลอกใหม่ว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าผิดก็ตัดส่วนที่ผิดเเล้วเขียนใหม่ ทั้งการตรวจสอบดีเอ็นเอที่เสียหายจากสารเคมีหรือรังสียูวีเเล้วแก้ให้ถูก ต้องบอกเลยว่ากลไกเหล่านี้สำคัญมากค่ะ ไม่เช่นนั้นเราคงมีชีวิตอยู่ได้เพียงวัยเด็กกำลังเดินเท่านั้นเอง เท่าที่มีรายงานไว้ในตอนนี้ มะเร็งที่พบในร่างกายมนุษย์มีมากกว่า 100 ชนิด ด้วยกัน ซึ่งแต่ละชนิดจะมีความรุนเเรงของโรคไม่เหมือนกัน เช่น มะเร็งปอด มะเร็งสมอง ที่ผู้ป่วยจะมีชีวิตการอยู่รอดสั้นกว่าผู้ป่วยมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น

บางคนอาจเกิดคำถามว่า การกินเนื้อแดงนั้นมีอันตรายขนาดนั้นเลยเหรอ? ตรงนี้ต้องขยายค่ะว่าการกินเนื้อแดงไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู กวาง ช้าง แพะ อูฐ ติดต่อกันวันละครึ่งขีดขึ้นไปเป็นเวลานานระดับหนึ่ง เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่แน่นอน แต่ถึงเเม้ว่าจะก่อโรคได้จริง แต่ระดับความดุดันและอันตรายยังน้อยกว่าตัวโหดๆ อย่างรังสีนิวเคลียร์ รังสียูวี หรือบุหรี่ อย่างไม่เห็นฝุ่น เนื้อแดงธรรมดาจึงไม่น่าวิตกมากนัก แต่ที่น่ากังวลคือการผ่านกรรมวิธี ไม่ว่าจะหมัก บ่ม รมควัน ดองเกลือ หรือการถนอมอาหารใดๆ เพื่อรสชาติและอายุการเก็บรักษา

ดังนั้น ถ้าอาหารเช้าของเราไม่ใช่ไส้กรอกสองชิ้นจากร้านสะดวกซื้อกับเครื่องดื่มสักอย่างเเล้วล่ะก็ อย่าเพิ่งตระหนกเกินไปค่ะ เอาเป็นว่าเพื่อความความสำราญเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน ควรเน้นผัก ปลา ธัญพืชให้มากขึ้นสักนิด ถอยห่างจากเนื้อที่ผ่านกรรมวิธี เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตเราสุขอย่างสมดุลเเล้วค่ะ

 

เรื่องน่าสนใจ