ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์

WD เปิดตัวระบบปฏิบัติการ My Cloud OS3 ช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับการใช้งานคอนเทนต์แพร่หลาย เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ยุคข้อมูลมหาศาล…

EyWwB5WU57MYnKOuXq7FKl3jn8ZmqkQKgCbWXWtUr4Ih7m2p2MnhL2

นายธนพัฒน์ เลาห์ขจร ผู้จัดการฝ่ายขาย ประเทศไทย บริษัท เวสเทิร์นดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ดับบลิวดี (WD) เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัวอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในกลุ่ม My Cloud พบว่าได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือซึ่งมียอดขายกว่า 1.6 ล้านเครื่อง ขณะที่แอพพลิเคชั่น WD My Cloud มียอดดาวน์โหลดแล้วกว่า 5 ล้านครั้ง

ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ในชื่อ My Cloud OS3 เพื่อสนับสนุนการจัดการคอนเทนต์บนเครือข่าย (NAS) ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเน้นความง่ายและสะดวก เช่น สามารถเข้าใช้งานผ่านเว็บไซต์ (mycloud.com) โดยไม่ต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นสำหรับผู้ที่ใช้หลายอุปกรณ์ พร้อมความสามารถในการสำรองหรือซิงค์ข้อมูล รวมถึงการจัดการไฟล์ภาพและวิดีโอที่อัพโหลดไฟล์ได้อัตโนมัติเมื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือไวไฟ และรักษาความเป็นส่วนตัวจากการควบคุมลักษณะเฉพาะของอุปกรณ์คลาวด์ส่วนบุคคลซึ่งสามารถใช้ภายในบ้านหรือสำนักงาน

NjpUs24nCQKx5e1D68eCPNWkNARNHbjhgoVfFdU8Iahอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ในกลุ่ม My Cloud

อย่างไรก็ตาม My Cloud OS3 เปิดให้ผู้ใช้อุปกรณ์ในตระกูล My Cloud อัพเกรดซอฟต์แวร์ได้ฟรีตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.2558 (หรือช่วงเที่ยงคืน เข้าสู่วันที่ 22 ก.ย. ตามเวลาประเทศไทย) โดยอุปกรณ์ที่รองรับซอฟต์แวร์ดังกล่าว ได้แก่ My Cloud , My Cloud Mirror , My Cloud Expert Series EX2/EX4 , My Cloud Expert Series EX2100/EX4100 และ My Cloud business Series DL2100/DL4100

สำหรับแนวโน้มความต้องการใช้งานอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลส่วนตัวในประเทศไทยนั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพฤติกรรมของคนไทยที่นิยมถ่ายภาพและวิดีโอ ซึ่งปัจจุบันมีความคมชัดสูงทำให้ไฟล์ภาพและวิดีโอมีขนาดใหญ่ต้องใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลในปริมาณมากตามไปด้วย รวมถึงไลฟ์สไตล์ความบันเทิงที่ผู้บริโภคนิยมจัดเก็บข้อมูล อาทิ ไฟล์ภาพยนตร์และเพลง ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคจำนวนหนึ่งก็ให้ความสำคัญในการสำรองข้อมูล (แบ็กอัพ) จึงนิยมซื้ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อสำรองข้อมูลสำคัญด้วย ส่วนหน่วยความจุข้อมูลเอ็กซ์เทอนอลที่คนไทยนิยมใช้โดยเฉลี่ย อยู่ที่ 1-2 เทราไบต์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ของดับบลิวดีมีราคาตั้งแต่ 2,000-3,700 บาท เชื่อว่าภายในปี 2559 หน่วยความจุที่ได้รับความนิยมอาจเพิ่มเป็น 2-3 เทราไบต์ ซึ่งเป็นแนวโน้มใกล้เคียงกับในต่างประเทศด้วย

นอกจากนี้ WD ยังร่วมกับ Milestone Systems ผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยซอฟต์แวร์การจัดการวิดีโอ เพื่อให้บริการโซลูชั่นระบบการบันทึกภาพเคลื่อนไหวกล้องวงจรปิด พร้อมด้วยซอฟต์แวร์ Milestone Arcus Surveillance สำหรับใช้งานบนระบบจัดเก็บข้อมูลบนเครือข่าย NAS ของ WD My Cloud Business Series ตั้งแต่เดือนนี้ และคาดว่าจะพร้อมใช้งานบนระบบ My Cloud อื่นๆ ในอนาคต.

เรื่องน่าสนใจ