ขอขอบคุณภาพและที่มาจากช่อง Workpoint TV
กรณีนายประสิทธิ์ บุศย์สะสม อายุ 53 ปี โชเฟอร์รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ที่หักหลบจักรยานยนต์ล้มข้างหน้า จนกระทั่งรถตัวเองลงข้างทางไปฟาดเสาไฟฟ้าและพลิกคว่ำ ทำให้เด็กชายวัยรุ่น 2 คนที่รถล้มอยู่ข้างหน้ารอดตายหวุดหวิด ตามคลิปจากกล้องหน้ารถที่มีการเผยแพร่ในโลกออนไลน์ และได้มีชาวสังคมออนไลน์พากันชื่นชมในการตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาทีดังกล่าวเพื่อรักษาชีวิตผู้อื่น โดยไม่สนใจว่าตนเองจะเป็นอย่างไร
วันนี้ (21 มี.ค.)ในรายการ “ข่าวมื้อเช้า” ช่องเวิร์คพอยท์ หมายเลข 23 ได้สัมภาษณ์เปิดใจนายประสิทธิ์ โดยเล่าว่าวันที่เกิดเหตุกำลังขับรถอยู่บนถนนพหลโยธินช่วงอ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา มุ่งหน้าไปจ.สระบุรี ระหว่างทางสังเกตุเห็นรถจักรยานยนต์ 2 คันขับตามหลังมาในลักษณะคล้ายขับแข่งกัน ก่อนที่จักรยานยนต์คันที่เกิดเหตุเร่งแซงรถตนเองขึ้นทางด้านขวาและขึ้นไปขับนำหน้า แต่คาดว่าถนนข้างหน้าคงเป็นลูกคลื่นทำให้จักรยานยนต์ที่มีเด็กชายวัยรุ่น 2 คนอายุประมาณ15-16 ปี ขับขี่อยู่เกิดเสียหลักล้มลง
“นาทีนั้นไม่ได้คิดอะไร เพราะไม่ทันได้คิด แต่กระทืบเบรคก่อนแต่เบรคไม่อยู่จึงหักซ้ายลงข้างทาง ก่อนที่จะเกิดเหตุตามที่ปรากฎในคลิป ส่วนลูกพ่วงพลิกตะแคง แต่ส่วนหัวลากกลับขึ้นมาบนถนนอีกครั้ง จึงประคองพวงมาลัยไม่ให้ชนเด็กทั้ง 2” นายประสิทธิ์ระบุ
โดยหลังเหตุการณ์เมื่อตั้งสติได้ลงมาดูสภาพรถแต่ปรากฎว่าจักรยานยนต์และเด็กทั้ง 2 คน ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว จากนั้นจึงโทรศัพท์แจ้งเถ้าแก่เจ้าของรถ และแจ้งประกันมาตรวจสอบ
เมื่อถามว่าการตัดสินใจหักหลบไม่เกรงว่าตนเองจะเป็นอันตรายเองหรือ? นายประสิทธิ์บอกว่า ตนเองขับรถมานานหลายปี ที่ผ่านมาแม้กระทั่งสุนัขวิ่งตัดหน้ารถก็ไม่กล้าชน จะเบรคและหลบ ตนไม่ได้คิดอะไรเพราะไม่มีเวลาคิดถึงผลที่ตามมา สิ่งที่ทำเป็นไปโดยสัญชาตญาณ หากวันนั้นตัดสินใจชน วันนี้จะยิ่งไม่สบายใจมาก แต่มาถึงตอนนี้แม้จะกระทบเดือดร้อนด้านอื่นๆ แต่ก็รู้สึกสบายใจที่ตัดสินใจหลบ
ส่วนค่าเสาไฟฟ้าที่เสียหายประมาณ 6 แสนบาท รวมทั้งค่าซ่อมรถทางประกันรถยนต์มีความคุ้มครอง เนื่องจากรถมีประกันภัยชั้น 1 ส่วนความช่วยเหลืออื่นๆที่ปรากฎเป็นข่าวตนเองไม่เคยได้รับการติดต่อแต่อย่างใด โดยหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ต้องนำรถเข้าซ่อมที่อู่คาดว่าใช้เวลาราว 2 เดือน ทำให้ระหว่างนี้ตนเองจะต้องตกงาน เพราะไม่มีรถบรรทุกวิ่งทำงาน และถ้าแก่เจ้าของรถเองก็ยังไม่ได้บอกว่าจะทำอย่างไรเพราะยังไม่ได้คุยกัน โดยปัจจุบันทำงานขับรถบรรทุกคันดังกล่าวรับ-ส่งสินค้าทุกวัน มีรายได้ประมาณ 18,000 – 19,000 บาทต่อเดือน หากไม่มีรถบรรทุกขับก็ขาดรายได้ และคงต้องนำเงินเก็บมาใช้จ่ายไปก่อน ส่วนเงินค่าปรับ 1,000 บาท ที่ถูกตำรวจปรับข้อหาขับรถประมาททำให้ทรัพย์สินทางราชการเสียหาย ตนเองได้นำเงินเถ้าแก่จ่ายไปก่อน แต่ไม่ทราบว่าจะถูกหักเงินคืนภายหลังหรือไม่ นายประสิทธิ์กล่าวกับพิธีกรรายการข่าวมื้อเช้า
ขณะที่ช่วงท้ายการสัมภาษณ์วันนี้ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองผู้อำนวยการสำนักกิจการและโครงการในพระดำริพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา สำนักงานอัยการสูงสุด ได้มอบกระดิ่งประทานจากพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และเสื้อคนดีที่เรายกย่อง พร้อมของที่ระลึกจากโครงการในพระดำริฯ ให้แก่นายประสิทธิ์ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำความดีครั้งนี้ โดยเป็นการเสียสละตนเองเพื่อรักษาชีวิตผู้อื่น ซึ่งสร้างความปลาบปลื้มให้แก่นายประสิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง